‘ขอนแก่นโมเดล’ การเมือง

‘ขอนแก่นโมเดล’ การเมือง

ดูเหมือนคดี “ขอนแก่นโมเดล ภาค2” กรณีพบพฤติการณ์บุคคลกลุ่มหนึ่ง

เตรียมสร้างความวุ่นวาย และวางแผนเอาชีวิตบุคคลสำคัญ จะไม่ธรรมดาเสียแล้ว

หากแต่กลิ่นไอทางการเมืองที่อบอวลอยู่ในเวลานี้ เดาได้ไม่ยาก ว่าจะร้อนรุ่มรุมเร้าสถานการณ์ที่ร้อนแรงอยู่แล้วมากขึ้นแค่ไหน

ยิ่งด้านหนึ่งของ “ขอนแก่นโมเดล” คือแดงฮาร์ดคอร์ ที่มีส่วนร่วมอยู่ในการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง “นปช.” (แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ) ที่ถนนอักษะ เมื่อกลางปี 2557 ก็ยิ่งตอกย้ำ “ฝ่าย” ได้อย่างชัดเจนว่าอยู่ข้างไหน

อะไรคือ “ขอนแก่นโมเดล” อาจต้องย้อนไปเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2557 ที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยของกองทัพภาคที่2 เข้าจับกุมกลุ่มคนเสื้อแดงในนามกองทัพปราบกบฏ 26คน พร้อมอาวุธและเครื่องกระสุน ที่ ชลพฤกษ์อพาร์ตเมนต์ ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น

ครั้งนั้น ทหารพบแผนของคนกลุ่มนี้ 4 ขั้นตอนคือ

1. ระดมมวลชนให้มากที่สุด

2. เจรจาปลดอาวุธเจ้าหน้าที่

3. เจรจาเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร

4. ทำลายสถาบันการเงินและนำเงินมาแจกจ่ายให้ประชาชนทั่วปฐพีหนี้เป็นศูนย์ จึงเป็นที่มาของชื่อ‘ขอนแก่นโมเดล’

นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเบื้องลึกด้วยว่า แกนนำคนสำคัญของขอนแก่นโมเดล มีอยู่ 2 คนคือมีชัย ม่วงมนตรี ชาวอำเภอจังหาร จ.ร้อยเอ็ด แกนนำกองทัพปราบกบฏ ที่เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในพื้นที่อีสานกลาง กับจ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ ตำรวจตระเวนชายแดน ที่ลาออกมาทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคอีสาน

ที่สำคัญขณะนี้ คดีขอนแก่นโมเดลยังอยู่ในการพิจารณาของศาลทหาร และต่อมาศาลทหารอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา

ดังนั้น จึงไม่แปลกที่การควบคุมตัว จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ และ ณัฐพล ณวรรณ์แล ก่อนขยายผลจับกุม วัลลภ บุญจันทร์ และ พาหิรัณ กองคำ 4 ใน 9 ผู้ต้องหา จะถูกเรียก “ขอนแก่นโมเดล ภาค2”

ขณะที่พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนความผิดตามมาตรา112ยืนยันว่ากรณีนี้เป็นการสืบสวนทราบมาแล้วจาก “คสช.”ที่ไล่ตรวจสอบแอพพลิเคชั่นไลน์และไล่หาหลักฐาน จนปรากฏว่าเป็นคนกลุ่มนี้ โดย จ.ส.ต.ประธินก็ถูกนำตัวไปค้นบ้านและพบหลักฐานจนนำไปสู่การออกหมายจับและถูกควบคุมตัว

ส่วนก๊วนของเขาก็เป็นกลุ่มเดิมที่มาตั้งแต่ถนนอักษะ ไล่ไปขอนแก่นโมเดล จนถึงปัจจุบันนี้จากการตรวจสอบบ้านของผู้ที่ถูกออกหมายจับ บางบ้านก็พบอาวุธพร้อมกระสุนซึ่งเป็นเรื่องที่ทางทหารดำเนินการสืบสวนต่อเนื่องเพื่อขยายผลในการยึดอาวุธต่อไปขณะนี้เพียงการสอบสวนเบื้องต้น ข้อมูลที่ทหารส่งมาต้องบอกว่าเขายืนยันหรือพาดพิงว่ากระทำผิดจริง...

เบื้องต้น ทั้งหมดถูกตั้งข้อหาผิดตามมาตรา112และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

แต่ประเด็นที่น่าสนใจไปกว่านั้น คือ เรื่องนี้กำลังจะกลายเป็นประเด็นทางการเมืองไปแล้ว

หลังจาก“ตู่”จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ออกมาจวกยับในรายการมองไกลผ่านยูทูบว่า ฝ่ายอำนาจรัฐสร้างฉากละครขอนแก่นโมเดลขึ้นมา เพื่อหันเหความสนใจของประชาชน จากการทุจริตราชภักดิ์ พร้อมชี้ให้เห็นพิรุธหลายอย่าง โดยเฉพาะการออกหมายจับ ธนกฤต ทองเงิน ผู้ต้องหาที่ขณะนี้ยังติดคุกคดีอื่นในเรือนจำขอนแก่นนานหลายเดือนแล้วที่ไม่น่าเล่นเฟซบุ๊ก ใช้โทรศัพท์มือถือเล่นอินเทอร์เน็ตได้ รวมทั้งกรณีณัฐพล หลังจากค้นบ้านไม่เจออะไร ก็บอกแม่เขาว่าขอยืมลูกชายไปสอบสวนในค่ายทหาร ฯลฯ

และข้อสังเกตเหล่านี้ คือ สิ่งที่แกนนำคนเสื้อแดง เรียกร้องให้มีการเปิดเผยหลักฐานที่ทหารมีอยู่ทั้งหมด เพื่อพิสูจน์ว่า ไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมาเบี่ยงเบนความสนใจการทุจริตโครงการราชภักดิ์

มาถึงตรงนี้ สิ่งที่น่าจับตามอง อาจไม่แต่เฉพาะความคืบหน้าของคดีจะดำเนินไปอย่างไร มีพยานหลักฐานที่หนักแน่นพอที่จะเอาผิดผู้ต้องหาได้หรือไม่ และขยายผลจับกุมผู้ต้องหาได้อีกมากน้อยแค่ไหน

หากแต่การแก้เกมทางการเมืองของฝ่ายอำนาจรัฐ ก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะลองแกนนำคนเสื้อแดงออกมาขนาดนี้แล้ว ฝ่ายอำนาจรัฐ “ถอย” ก็คงไม่ได้ เดินหน้าต่อก็ต้องให้เหนือชั้น จึงจะไม่เพลี่ยงพล้ำ

เหนืออื่นใด ต้องอยู่บนความถูกต้องชอบธรรมและพิสูจน์ได้ นี่สิจะทำอย่างไร ทำอย่างไรจะได้ความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับของสังคมด้วย