‘ปรองดอง’ แบบพม่ากับกัมพูชา กำลังเดินสวนกัน

‘ปรองดอง’ แบบพม่ากับกัมพูชา กำลังเดินสวนกัน

เพื่อนบ้านสองประเทศของเรา มีประเด็นเรื่อง “ปรองดอง” ทางการเมือง

ที่น่าสนใจ แต่ไปกันคนละทาง

พม่ากำลังพูดถึงการเจรจา ระหว่างอองซานซูจีกับผู้นำทหาร เพื่อสร้างความสมานฉันท์ หลังความพ่ายแพ้หลุดลุ่ยของพรรครัฐบาล

กัมพูชากำลังมีภาพของนายกฯฮุนเซนกับผู้นำฝ่ายค้านสม รังสีที่เคยประกาศสร้างความปรองดองกันอย่างเกรียวกราว ผ่านมาไม่กี่เดือนแนวทางสมานฉันท์กำลังพังสลายต่อหน้าต่อตา

พรรค NLD ของอองซานซูจีชนะเลือกตั้งอย่างท่วมท้น ขณะที่พรรค USDP ของทหารแพ้หนักหน่วงเกินกว่าที่คาดอย่างมาก

หากนับเฉพาะคะแนนเสียงในสองสภา อองซานซูจีก็สามารถจะตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ แต่เธอก็ประกาศแล้วว่าได้นัดนายพลผู้นำทหารเพื่อจะพูดจาหาทาง ปรองดอง เพื่อการเมืองจะได้เดินหน้าได้

เธอบอกหลังการหย่อนบัตรเมื่อวันที่ 8 พ.ย.แล้วว่า คนแพ้ต้องกล้าหาญ (ที่จะยอมรับผลการเลือกตั้ง) และคนชนะต้องถ่อมตัว ซึ่งก็แปลว่าทั้งสองฝ่ายจะต้องหาทางปรึกษาหารือเพื่อให้ผลการเลือกตั้งเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติที่สุด

ถึงวันนี้ผู้นำทหารพม่า ตั้งแต่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายพลมินอ่องหลายไปถึงประธานาธิบดีเต็งเส่ง ต่างก็ยืนยันว่าทหารจะยอมรับผลการเลือกตั้ง และจะไม่เกิดเหตุการณ์เหมือนปี 1990 ที่ทหารแพ้เลือกตั้งแล้วคว่ำกระดานอีก

อองซานซูจีก็แสดงความใจกว้าง ด้วยการบอกว่าจะขอยื่นมือเจรจากับฝ่ายทหาร เพื่อให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ในประเทศ

แม้ว่าทหารจะมีโควต้าที่นั่งในสภา 25% แต่ที่นั่งของพรรค NLD ที่ชนะท่วมท้นนั้นมีเกินครึ่งทั้งสองสภา จึงสามารถตั้งรัฐบาลเองได้โดยไม่ต้องอาศัยเสียงของฝ่ายทหาร แต่อองซานซูจีก็รู้ดีว่าบทบาทของทหาร ยังจะไม่หายไปชั่วข้ามคืนหลังการเลือกตั้ง จึงจำเป็นต้องหาทางจับมือกับผู้นำกองทัพเพื่อไม่ให้เกิดอุปสรรคในการตั้งรัฐบาลที่จะมีผลในเดือนมี.ค. ปีหน้า

แต่อีกด้านหนึ่ง ข้อตกลงเรื่องปรองดองในกัมพูชาดูเหมือนจะพังสลายไปแล้ว

เพราะอยู่ดี ๆ ก็มีคำสั่งศาลให้จับนายสม รังสี หัวหน้าฝ่ายค้านด้วยข้อหาหมิ่นประมาท ที่คนเขมรส่วนใหญ่คิดว่าหมดสภาพไปแล้ว ด้วยคำสั่งอภัยโทษเมื่อปี 2013

เพราะหลังจากนั้นฮุนเซนกับสม รังสีก็ปรากฏตัวในที่สาธารณะ จับไม้จับมือกันอย่างแช่มชื่นเมื่อปีที่แล้ว

ทั้งสองคนยังพาเอาครอบครัวมากินข้าวด้วยกัน ถ่าย selfi อย่างชื่นมื่น ออกข่าวใหญ่โตเพื่อประกาศว่า ผู้นำประเทศและผู้นำฝ่ายค้านได้ตกลงกันแล้วว่าจะสร้างบรรยากาศ “ปรองดอง” เพื่อให้การเมืองเดินหน้าไปได้โดยที่ฝ่ายค้านจะยุติการคว่ำบาตรไม่เข้าประชุมสภา และนายกฯฮุนเซนก็จะยกเลิกการตามไล่ล่านักการเมืองฝ่ายค้าน

แต่ จูบปากกันได้ไม่กี่เดือน ก็ดูเหมือนว่าข้อตกลง สงบศึกฉบับนั้นจะถูกฉีกทิ้งเสียแล้ว เพราะฮุนเซนออกมาชี้นิ้วกล่าวหาฝ่ายค้านว่าจงใจ “บ่อนทำลายความมั่นคง” ของประเทศ

หลังจากที่ออกมาประกาศว่าหากการเลือกตั้งคราวหน้า ประชาชนคนเขมรเลือกพรรคฝ่ายค้านมาเป็นรัฐบาล จะเกิดสงครามกลางเมือง แน่

ฮุนเซนปกครองประเทศมา 30 ปีแล้วยังไม่ยอมก้าวลง และแม้จะถูกฝ่ายค้านกล่าวหาว่าพรรค CPP ของฮุนเซนโกงเลือกตั้งเมื่อปี 2013 ทำให้พรรคฝ่ายค้าน National Cambodia Rescue Party (“พรรคกู้ชาติ”) ของสม รังสีได้ที่นั่งน้อยกว่าที่ควรจะได้ แต่นายกฯ เขมรคนนี้ก็ยังปักหลักอยู่ในอำนาจต่อไป อีกทั้งยังวางลูกเป็นทายาททางการเมืองไว้ครบทีม

ยิ่งพรรคฝ่ายค้านทำท่าว่าจะได้รับความนิยมจากประชาชนมากขึ้น ฮุนเซนก็ยิ่งจะหวั่นไหว และช่วงหลังนี้ก็ดำเนินการฟ้องร้องนักการเมืองฝ่ายค้านอย่างถี่ยิบ

ปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมา นักการเมืองฝ่ายค้านสองคนถูกม็อบเชียร์รัฐบาลทุบตีบาดเจ็บ และหลังจากนั้นไม่นาน นายเข็ม โสกา รองหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ

จากนั้น คดีเก่า ๆ หลายคดีก็ถูกรื้อฟื้นเพื่อเล่นงานสม รังสีอีกรอบ

คำว่า ปรองดองที่พม่ากับที่เขมรจึงเดินไปกันคนละทาง...ยังต้องดูว่า ปรองดองแบบไทย ๆจะเหมือนของใคร?