ทำไมการรัฐประหาร ถึงแก้ปัญหาบ้านเมืองไม่ได้

ทำไมการรัฐประหาร ถึงแก้ปัญหาบ้านเมืองไม่ได้

กรณีอุทยานราชภักดิ์ส่อพลิกอีกรอบ เมื่อเจ้าของโรงหล่อเริ่มเปิดตัว

ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ และพูดสอดคล้องกับคำสัมภาษณ์ของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะอดีต ผบ.ทบ.ที่รับผิดชอบโครงการนี้โดยตรงมาตั้งแต่แรก

ประเด็นก็คือ เจ้าของโรงหล่อบอกว่าไม่ได้จ่ายหัวคิวให้ เซียนอุ๊ เซียนพระชื่อดัง แต่เป็นการจ่ายเงินในฐานะที่ช่วยให้คำปรึกษา และหาช่างมาช่วย เพราะเป็นงานด่วน ซ้ำเมื่อฝ่ายทหารรู้ ยังมาตามเอาเงินคืนให้โรงหล่อ แต่เจ้าของโรงหล่อทุกแห่งไม่รับ จึงทำเป็นเงินบริจาคสมทบทุนก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์แทน

ทั้งหมดตรงตามที่ พล.อ.อุดมเดช ชี้แจงในตอนต้น

ถ้าเรื่องนี้ไม่ใช่เตี๊ยมกันมา และทางโรงหล่อยอมนำเอกสารการบริจาคมาแสดง (เพราะอ้างว่ามี) ก็เท่ากับว่าข้อเท็จจริงเรื่อง หัวคิว ยุติตรงกัน แต่นั่นก็ยังเป็นเพียงประเด็นเดียว เพราะขณะนี้มีประเด็นข้อสงสัยอื่นๆ ตามมาอีกเยอะ

เท่าที่ทราบ วันนี้แกนนำคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย กำลังเตรียมพาสื่อมวลชนลงพื้นที่อุทยานราชภักดิ์ เข้าใจว่าคงมี อะไรๆ เป็นข่าวตามมาอีกเพียบ

พี่ๆ ทหารต้องเข้าใจว่า สนามการเมืองไม่เหมือนสนามรบที่ตายจริงเจ็บจริง แต่เกมการเมืองคือเกม ความเชื่อ และ ความหวัง เวลาเขาหาเสียงเลือกตั้ง ไม่จำเป็นต้องทำได้จริงตามที่หาเสียง แค่ทำให้ประชาชนมีความหวัง เขาก็ได้คะแนนแล้ว

เช่นเดียวกับเวลาที่นักการเมืองเขากล่าวหากัน เขาแค่ทำให้คนเชื่อว่าอีกฝ่ายทำผิดหรือโกง ส่วนข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรมันอีกเรื่อง

การเคลียร์ข้อกล่าวหาทางการเมือง จึงไม่ใช่แค่การอธิบายข้อเท็จจริงเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงการแสดงความรับผิดชอบอย่างทันเวลา, การเปิดให้ตรวจสอบอย่างทันท่วงทีและโปร่งใสด้วย มันจึงจะช่วย แก้เกมการเมือง ของอีกฝ่ายได้

ดูเหมือนพี่ๆ ทหารจะเข้าใจเรื่องนี้น้อยไปนิด ทำให้เกิดปัญหาเรื่อง การบริหารจัดการ เพื่อรับมือวิกฤติการเมือง

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้รัฐบาลหลังการรัฐประหารหลายๆ ชุดแก้ปัญหาบ้านเมืองไม่ประสบความสำเร็จ หนักๆ เข้าอาจกลายเป็น เสียของ ไปอีก

วันก่อนผมมีโอกาสไปรับฟังการบรรยายพิเศษของ พล.อ.ไวพจน์ ศรีนวล อดีตผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม ผู้เชี่ยวชาญงานด้านข่าวกรองและความมั่นคง เพราะเคยดำรงตำแหน่งทั้งผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) และผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

พล.อ.ไวพจน์ วิเคราะห์ว่าสาเหตุที่ปัญหาใหญ่ๆ ของประเทศไม่ได้รับการแก้ไขมานานปี จะปฏิรูปประเทศกันทุกทีที่มีการเปลี่ยนรัฐบาล แต่ก็ไม่เคยประสบผล แม้แต่รัฐบาลจากการรัฐประหาร สาเหตุสำคัญเป็นเพราะเมื่อยึดอำนาจหรือได้อำนาจมาแล้ว ไม่ได้มุ่งแก้ปัญหา การบริหาร โดยการจัดทำ นโยบายยุทธศาสตร์ชาติ ในด้านต่างๆ อย่างรอบคอบรัดกุม แต่กลับไปมุ่งทำหรือแก้ปัญหาอย่างอื่นที่ไม่ใช่ต้นตอที่แท้จริงของการทำรัฐประหาร

อำนาจอธิปไตยของบ้านเมืองมี 3 อำนาจ คือ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ซึ่งที่ผ่านมาไร้ความสมดุล โดยเฉพาะฝ่ายบริหารที่ใช้อำนาจเกิดขีด มีปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน แต่พอคณะรัฐประหารเข้ามา แทนที่จะไปจัดทำนโยบายยุทธศาสตร์เพื่อแก้ปัญหาในซีกของ การบริหาร ซึ่งเป็นต้นตอของการทำปฏิวัติ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้ ทว่ากลับไปติดกับดักของการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ การตรากฎหมายแบบยิบย่อย หรือใช้อำนาจตุลาการชิงความได้เปรียบทางการเมือง (ผ่านการใช้อำนาจขององค์กรอิสระต่างๆ)

นี่อาจช่วยอธิบายต้นเหตุของ รัฐประหารเสียของ เพราะมัวแต่ทุ่มเทสรรพกำลังจัดการกับปัญหาอื่นๆ เพื่อหวังผลทางการเมือง แทนที่จะจัดทำนโยบายยุทธศาสตร์ในเรื่องใหญ่ๆ ที่ประชาชนคาดหวังให้ประสบความสำเร็จ และปรบมือสนับสนุนพวกท่านว่าเข้ามาแก้ปัญหาประเทศอย่างแท้จริง

เมื่อท่านไม่ทำสิ่งที่ควรทำ แถมยังอ่อนด้อยในสนามการเมือง สภาพจึงเป็นเช่นนี้แล