อองซานซูจีกับคำถาม : ใครจะเป็นประธานาธิบดี?
อองซานซูจี หัวหน้าพรรค NLD ของพม่ายืนยันล่าสุด
ว่าเธอจะเป็นคนตั้งประธานาธิบดี หลังจากได้รับชัยชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนอย่างท่วมท้น
จะตั้งใคร?
เธอบอกนักข่าวที่ซักเธอว่า “ดิฉันไม่บอกคุณหรอก”
อองซานซูจีชนะเลือกตั้งท่วมท้นแล้ว เธอจะเดินหน้าตั้งรัฐบาลอย่างไร? วันก่อน เธอให้สัมภาษณ์นักข่าว Washington Post ที่ถามว่าเธอและพรรค NLD ของเธอจะทำงานกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายพลมินอ่องหลายได้ไหม?
“เราทำงานกับใครก็ได้ ถ้าเราจะตั้งรัฐบาล เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะต้องทำงานร่วมกับทหาร...” คือคำตอบของเธอ สะท้อนว่าเธอต้องการจะสร้างรัฐบาล “ปรองดอง” ที่ไม่กดดันทหารให้กลับไปอยู่ในกรมกองทั้งหมด
ถามว่าจะนัดพบผู้นำทหารเมื่อไหร่? เธอบอกว่าประธานาธิบดีเต็ง เส่ง กับ นายพลมินอ่องหลายได้บอกว่าจะพบกับเธอหลัง กกต. ทำงานเสร็จแล้ว ไม่แน่ใจว่าหมายความว่าอย่างไร
ไม่ได้กำหนดวันหรือ? “เปล่า ยังไม่ได้กำหนดวัน ดิฉันเดาเอาว่านั่นหมายความว่าพวกเขาจะรอ 45 วัน แปลว่ายังไม่มีอะไรชัดเจนนัก”
เธอกลัวว่าเหตุการณ์จะเหมือนปี 1990 หรือไม่ (เลือกตั้งเสร็จแล้วทหารไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง จับเธอกักบริเวณ 20 ปี)?
อองซานซูจีตอบ: “ปีนี้ไม่ใช่ 1990 การสื่อสารดีมากแล้ว และประชาชนก็มีความตื่นตัวอย่างยิ่ง ในการที่จะทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น”
เธอบอกว่าในรัฐบาลใหม่ เธอจะมีบทบาท “เหนือประธานาธิบดี” แปลว่าอะไร?
“ดิฉันไม่เห็นว่าตำแหน่งประธานาธิบดีจะน่าพิสมัยตรงไหน สิ่งที่เราต้องการคือโอกาสที่จะทำงานให้ประเทศชาติ และจริง ๆ แล้วไม่ว่าดิฉันจะถูกเรียกขานว่าประธานาธิบดี หรืออะไรอื่นก็ไม่มีความสำคัญ...”
แต่ถ้าหากมีการประชุมสุดยอดของระดับหัวหน้ารัฐบาลของอาเซียนหรือการประชุมอื่นๆ เขาก็คงต้องการให้คุณไปร่วมประชุมไม่ใช่หรือ?
“ดิฉันจะไป ดิฉันจะไปกับประธานาธิบดี และเขาก็สามารถนั่งข้างๆ ดิฉันได้...”
เธอคิดว่าทหารจะยอมแก้รัฐธรรมนูญให้เอาประเด็น ที่ทำให้เธอไม่สามารถเป็นประธานาธิบดีออกได้ไหม?
“พวกเขาอาจไม่แก้ทันที เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์เช่นนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องใช้เวลา”
ถามว่าเธอจะเป็นประธานสภาไหม? ซูจีบอกว่าเธอจะเป็นคน “บริหารรัฐบาล...และดิฉันคิดว่านั่นก็น่าจะพอแล้ว”
ถามว่าเธอมองปัญหาโรฮิงญาอย่างไร?
“ใช่ นั่นเป็นปัญหา ดิฉันไม่ปฏิเสธ แต่ดิฉันสงสัยว่าทำไมพวกเขา (ประชาคมโลก) จึงคิดว่าประเทศนี้ไม่มีปัญหาอื่นแล้วหรือ ...เราคุยถึงเรื่องข้อตกลงหยุดยิงกับชนกลุ่มน้อย ทั้งหมดมี 17 กลุ่มที่ควรจะต้องลงนาม แต่ถึงวันนี้แค่ 8 กลุ่มเท่านั้นที่ลงนามแล้ว ดิฉันคิดว่านั่นก็น่าจะเป็นปัญหาด้วย...”
ถามว่าเธอมีความเห็นอกเห็นใจชาวโรฮิงญาหรือไม่?
“ดิฉันเห็นใจคนทั้งหลายที่เผชิญความทุกข์ในโลกนี้ ไม่เพียงแต่ในพม่าเท่านั้น”
นักข่าวถามว่าบางคนวิจารณ์ว่ารัฐบาลพม่าปัจจุบันสนับสนุนพระที่แนวคิดสุดขั้วเช่นกลุ่ม Ma Ba Tha ที่โจมตีคนมุสลิมและทำให้เกิดความตึงเครียดทางเชื้อชาติระหว่างการหาเสียง เธอมีความเห็นอย่างไร?
ซูจีตอบว่าระหว่างหาเสียง พรรคของเธอถูกโฆษณาชวนเชื่อทางศาสนาใส่ร้ายมากมาย ทางพรรคได้ยื่นคำร้องเรียน และในบางเขตก็ได้แจ้งความกับตำรวจด้วย
นักข่าวบอกว่า Ma Ba Tha บอกว่าถ้าใครลงคะแนนให้พรรค NLD ก็จะทำลายความบริสุทธิ์ของชาติพันธุ์พม่า และคนมุสลิมจะครอบงำประเทศพม่า เธอมีความเห็นอย่างไร?
ซูจีตอบ “ใช่ พูดอย่างนั้นผิดแน่นอน และละเมิดรัฐธรรมนูญด้วย เพราะรัฐธรรมนูญระบุชัดเจนว่าศาสนาต้องไม่ถูกใช้เพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำอะไรเกี่ยวกับโฆษณาชวนเชื่อเหล่านั้นเลย”
อองซานซูจีรู้ว่างานข้างหน้าหนักหนาสากรรจ์นัก และดูเหมือนเธอตระหนักว่าจะต้องสร้างความปรองดองไม่เฉพาะกับทหารเท่านั้น แต่จะต้องสานสัมพันธ์กับชาติพันธุ์ทั้งหมด 17 กลุ่มและทำความเข้าใจกับผู้นำศาสนาทั้งหลายเพื่อจะได้นำประเทศเข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ทุกคนต่างกำลังรอว่า “นโยบายพลิกโฉมเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคง” ของ “ผู้นำประเทศพม่า” ที่ชื่ออองซานซูจีที่มีผู้ช่วยเป็นตำแหน่ง “ประธานาธิบดี” มีรายละเอียดเพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์อนาคตของพม่าอย่างไร
หวังว่าคงไม่ต้องรอวันที่เธอก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารประเทศสูงสุด ในเดือนมีนาคมอย่างเป็นทางการ
เพราะคะแนนเสียงล้นหลามสำหรับ NLD คราวนี้เป็นการยืนยันว่าประชาชนคนพม่าส่วนใหญ่ต้องการเธอมาบริหารประเทศ
แต่เนื้อหาแห่งนโยบายเป็นอย่างไร อองซานซูจียังต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ ท่ามกลางความคาดหวังที่สูงมากเหลือเกิน