จีนยกเลิกนโยบายลูกคนเดียว

จีนยกเลิกนโยบายลูกคนเดียว

ปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ประกาศยกเลิกนโยบายลูกคนเดียวที่ใช้มาตลอด 35 ปีที่ผ่านมา

เพื่อควบคุมจำนวนประชากรไม่ให้มีมากจนเกินไป จนทำให้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ไม่พอต่อจำนวนประชากร

เมื่อคราวที่นโยบายให้มีลูกได้เพียงคนเดียวออกมาใช้เมื่อ 35 ปีก่อน ชาวโลกต่างวิจารณ์กันว่าเป็นนโยบายทางสังคมที่แปลกประหลาดที่สุดในยุคนั้น

ข้อแตกต่างของการประกาศใช้กับประกาศยกเลิกที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือตอนประกาศใช้ ประกาศลงหนังสือพิมพ์อย่างโจ่งแจ้ง แต่ตอนยกเลิก มีเพียงข้อความสองบรรทัดซ่อนอยู่ในข่าวภาครัฐ ในรายงานของสำนักข่าวซินหัว

เหตุผลของการยกเลิกนโยบายนี้ได้เขียนเอาไว้ชัดเจนคือ เพื่อปรับให้เข้ากับสถานการณ์สังคมที่มีประชากรสูงวัย และเพื่อทำให้ยุทธศาสตร์โครงสร้างประชากรดีขึ้น ประชาชนทั้งหมดทุกกลุ่มจะได้รับสิทธิในการมีลูกคนที่สอง

ในความเป็นจริง จีนได้ทยอยให้คนกลุ่มต่างๆ มีสิทธิ์ที่จะมีลูกมากกว่าหนึ่งคนมาพักใหญ่แล้ว หากคนกลุ่มนั้นมีฐานะดีพอที่จะเลี้ยงดูบุตรได้โดยไม่ต้องพึ่งสวัสดิการของรัฐ หรือในกรณีที่เป็นชาวนาหรือชาวสวนและมีลูกสาว ทางการอนุญาตให้มีลูกคนที่สองได้ โดยคาดหวังว่าจะเป็นเด็กผู้ชาย เพื่อให้ช่วยงานในไร่นา ซึ่งเป็นงานที่หนักแต่ครั้งนี้ประกาศให้สิทธิแก่ทุกคนโดยถ้วนหน้า

คนส่วนใหญ่คาดว่าชาวจีนจะดีใจที่สามารถมีลูกได้มากกว่าหนึ่งคน เพราะที่ผ่านมาการมีลูกได้เพียงคนเดียว ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ “คุณหนูผู้ยิ่งใหญ่ของบ้าน” ที่มีอากง อาม่า 4 คน และพ่อ กับ แม่ รวม 6 คน คอยดูแลประคบประหงมเด็กหนึ่งคนจนทÌำให้เด็กถูกตามใจจนเสียคน

นอกจากนี้ ยังเกิดปรากฏการณ์เด็กผู้ชาย เต็มเมือง เพราะมีโอกาสมีลูกได้เพียงคนเดียว ครอบครัวหัวเก่าจำนวนมากจึงทำแท้งหากทราบว่าเด็กในท้องเป็นผู้หญิง ด้วยความที่ต้องการมีเด็กผู้ชายไว้สืบสกุลทำให้ปัจจุบัน ประเทศจีนมีประชากรชายมากกว่าหญิง และคาดว่าจะมีประชากรชายประมาณ 30 ล้านคน ที่จะหาเจ้าสาวไม่ได้ เพราะผู้หญิงจีนมีจำนวนน้อยกว่าผู้ชาย

ชายชาวจีนเหล่านี้จึงต้องออกไปแสวงหาเจ้าสาวในต่างประเทศรวมถึงประเทศไทยด้วยค่ะ ใครที่มีลูกสาวและอยากมีลูกเขยเป็นคนจีนต้องให้ลูกสาวเตรียมเรียนภาษาจีนไว้นะคะ

ข่าวแจ้งมาว่า แทนที่ประชากรจีนจะดีใจที่กฎเหล็กเรื่องมีลูกได้คนเดียวถูกยกเลิกไป ตรงกันข้าม ประชาชนส่วนหนึ่งรู้สึกว่า จำนวนคนที่จะเพิ่มขึ้นมา รังแต่จะทำให้ทรัพยากรขาดแคลน จะทำให้เกิดมลภาวะเพิ่มขึ้นและพ่อแม่ส่วนใหญ่ที่ไม่ได้มีฐานะดีมากก็ไม่สามารถเลี้ยงดูลูกคนที่สองได้โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ค่าครองชีพเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว

ดังนั้น ถึงจะเปิดโอกาสให้มีลูกได้สองคน ชาวจีนโดยทั่วไปอาจจะพอใจที่จะมีลูกเพียงหนึ่งคนเท่านั้น โดยเฉพาะผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านที่มักรู้สึกว่าภาระในการเลี้ยงลูกนั้นสาหัสสากรรจ์ มากๆ เลยทีเดียว

รัฐบาลจีนก็อาจจะไม่บรรลุเป้าหมายในการเพิ่มประชากรวัยแรงงานมาทดแทนประชากรวัยแรงงานที่ลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา เนื่องจาก 35 ปีที่ผ่านมาจÌำนวนประชากรจีน เพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำ ดังนั้น ประชากรวัย 0-35 ปีจึงมีอยู่น้อยในปัจจุบัน

หากการยกเลิกนโยบายมีลูกคนเดียวได้ผล จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 15 ปีจึงจะมีประชากรที่จะเข้าสู่วัยแรงงานเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นในช่วงนี้ก็จะเห็นประชากรวัยแรงงานของประเทศจีนลดลงอย่างรวดเร็วกว่าประเทศอื่นๆ ที่มีการทดแทนของประชากรอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ

อย่างไรก็ดี ค่าเงินหยวนที่แข็งขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้คนจีนมีกำลังซื้อ
เพิ่มขึ้น ประเทศต่างๆ ต้องการต้อนรับ นักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นอย่างยิ่ง ไกด์พนักงานขายของ พนักงานเสริฟ ต้องพูดภาษาจีนได้ ป้ายบอกทาง และป้ายชื่อร้านค้าต่างก็มีภาษาจีนกำกับ แม้ห้างสรรพสินค้าในญี่ปุ่นซึ่งชาตินิยมเอามากๆ ยังมีการประกาศผ่านลำโพงเป็นภาษาจีน

แทบจะเห็นได้ว่าบางโรงแรมในประเทศญี่ปุ่น หากมีทัวร์จีนเข้าพักมากๆนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นก็จะหายไป และนักท่องเที่ยวชาวไทยก็จะเริ่มหายไป เพราะเข้าพักโรงแรมในญี่ปุ่น แต่รู้สึกเหมือนไปเที่ยวประเทศจีน ไม่ได้บรรยากาศญี่ปุ่นเลยค่ะห้องพักเหม็นกลิ่นควันบุหรี่ ที่อาบน้ำแบบออนเซ็นเลอะเทอะ เสียงดัง และคนเบียดเสียดยัดเยียดไปหมด

ดิฉันยังแอบคิดว่า สำหรับประเทศไทย หากเราต้องการรักษาบรรยากาศบางอย่างในบางครั้ง เราอาจจะต้องจำกัดจำนวนคนเข้าชม อย่าหวังขายแต่ปริมาณ ควรจะคำนึงถึงคุณภาพด้วยค่ะ

เตรียมตัวเอาไว้นะคะ อีก 15 ปี เราจะได้เตรียมต้อนรับกุมารจีนรุ่นลูกคนที่สองกันอย่างสนุกสนานค่ะ

ไจ้เจี้ยน (แล้วพบกันใหม่ค่ะ)