ถอดบทเรียน ‘เผาโรงพักถลาง’

ถอดบทเรียน ‘เผาโรงพักถลาง’

กรณีจราจล “ขว้างปา-ทุบ-เผา” ที่“โรงพักถลาง” มีหลายมิติที่ต้องนำมา “ขบคิด” และพิสูจน์หาข้อเท็จจริง...

ว่ากันตั้งแต่การ“ไล่จับกุม” 2 วัยรุ่น ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าเพื่อ“ตรวจค้น”ยาเสพติด จนกลายเป็นอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถตราโล่ของเจ้าหน้าที่จนทั้ง 2 คนเสียชีวิต

000 ไม่ผิดที่ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงจะ คิด” หรือกังวลว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำการเกินกว่าเหตุ”... นั่นเป็นเพราะในอดีตเคยพบการกระทำที่ไม่เหมาะสม ของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติต่อ “ผู้ต้องหา” หรือ“ผู้ต้องสงสัย” อยู่บ่อยครั้ง และการร้องเรียนก็มักจะไม่ค่อยได้รับ“ความเป็นธรรม”เท่าที่ควรจะเป็น

000 และน่าแปลกที่เหตุการณ์เสียชีวิตของวัยรุ่น 2 คน สามารถ“เรียก”คนนับพันมารวมตัวกันที่สภ.ถลาง ได้อย่างไม่น่าเชื่อ มิหนำซ้ำทุกคนยังมาด้วย“อาการ”โกรธเคือง คับแค้น แม้ว่าตัวแทนญาติพี่น้องจะไปนั่งโต๊ะเจรจาที่มี นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นั่งหัวโต๊ะจนเป็นที่พอใจ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ยังไม่หาย“คลุ้มคลั่ง”

000 น่าจะตั้งข้อสังเกตุได้ว่า สัมพันธภาพ” ระหว่างชาวบ้านในพื้นที่ กับตำรวจสภ.ถลาง ไม่น่าจะสู้ดีเท่าที่ควร เพราะแน่นอนว่าคนนับร้อยนับพันที่มาร่วมวง คงไม่ใช่คนที่โกรธแค้นในเรื่องเดียวกันทั้งหมด แต่อาจเป็นแค่เพียง แนวร่วมมุมกลับ

000 เป็นคนที่“ไม่พอใจ”การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งอาจหมายเฉพาะตำรวจสภ.ถลาง แบบเดียวกัน จึงพลอย “ผสมโรง” จนกลายเป็นเหตุการณ์บานปลาย... ซึ่งน่าจะหยิบมาเป็นกรณีศึกษา” สำหรับผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ โดยเฉพาะเป็นโอกาสดีที่มี ผบ.ตร.คนใหม่ และเป็นโอกาสดีที่จะมีการปฏิรูปตำรวจ

000 สิ่งที่ต้อง“คิดให้หนัก” คือจะทำอย่างไรให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เป็นที่ “ยอมรับ” ของชาวบ้านและคนในพื้นที่ ทำอย่างไรให้เขารู้สึกว่าตำรวจไทยเป็นที่พึ่งได้ในยามเดือดร้อน... และที่สำคัญจะต้องลบภาพเก่าๆ ทิ้งไปให้หมด

000 แต่ทั้งหลายทั้งปวงก็ไม่ได้หมายความว่า“ประชาชน” จะมีความชอบธรรมในการ “บุก”ล้อมสถานีตำรวจ โดยเฉพาะการขว้างปาก้อนหิน ระเบิดเพลิง หรือเผารถที่ส่วนหนึ่งเป็นรถของทางราชการ 

000 ถึงแม้ว่าตำรวจอาจทำเกินกว่าเหตุจริง หรือแม้ว่าตำรวจจะละเลยที่จะทำความเข้าใจกับญาติพี่น้องหลังเกิดเหตุจริง หรือแม้ว่าตำรวจจะมีท่าทีที่ไม่เป็นมิตรเท่าที่ควรจะเป็นจริง รวมไปถึงเรื่องราวความไม่พอใจเก่าก่อนแต่ก็ไม่ถือว่าเป็น“เหตุผล”

000 และเห็นด้วยอย่างยิ่งที่ต้องแยกเอาเรื่องการ บุกรุกทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ และการทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเป็นอีก“คดี”หนึ่ง และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเอาผิดอย่างเข้มข้น จนถึงที่สุด

000 เพราะบ้านเมืองมี“กฎหมาย” ไม่ใช่จะปล่อยให้ใครออกมาทำอะไรได้ตาม“อำเภอใจ” โดยเฉพาะทรัพย์สินที่เสียหายจำนวนมาก เป็นของที่มาจาก “เงินภาษี” ของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ และการทำลาย“ของหลวง”ก็มีบทลงโทษตาม“ความผิด”อย่างชัดแจ้ง   

000 นอกจากนี้ที่สำคัญเป็นลำดับต่อไป จะต้องเร่งปรับ “ภาพลักษณ์” ตำรวจไทยแบบ “ยกเครื่อง” ใหม่หมด...เพื่อยืนยันว่า ตำรวจไทยมีน้ำยา-พึ่งพาได้ และมีหัวใจที่เป็นมิตรกับประชาชน” !!! 

 .............................

อัชชาวดี [email protected]