วัดฝีมือ 'สมคิด' บริหารเศรษฐกิจบนความคาดหวัง

คนใหม่ของรัฐบาล บนเวทีสัมมนาของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันหรือ (กกร.) ท่ามกลางนักธุรกิจ นักลงทุน หลายร้อยคนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่เพียงสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อนายสมคิดและทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ ภาพดังกล่าวยังสะท้อนไปถึงความคาดหวังในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ การปาฐกถาของนายกสมคิดจึงถูกจับตามองจากทุกภาคส่วน ไม่เพียงแต่ในแวดวงของนักธุรกิจเท่านั้น แม้แต่ในแวดวงการเมืองพรรคการเมืองต่างๆก็มีการสรุปสิ่งที่นายสมคิดพูดและส่งต่อกันทันที 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีนั้นได้แสดงความคาดหวัง ต่อการทำงานของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ ภายใต้การนำของนายสมคิดตั้งแต่การประชุมครม. นัดแรกแล้วว่าให้ทำงานทันทีไม่มีเวลาฮันนีมูน ที่สำคัญต้องเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือน  

สมคิดและทีมงานนั้นทำการบ้านมาดีในระดับหนึ่ง ตรงที่รู้ว่าจุดอ่อนที่สุดของเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ คือรายได้ของภาคเกษตรกรที่ปรับตัวลดลงจากราคาพืชผลเกษตรตกต่ำและปัญหาภัยแล้ง ตัวเลขล่าสุดของ “สภาพัฒน์”ระบุว่ารายได้เกษตรกรหดตัว 12.6% ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวลดลง 4.8%  

ส่วนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านการส่งออกและการท่องเที่ยว คงไม่สามารถทำอะไรได้มากนักในช่วงที่เหลือของปีนี้ นอกจากรักษาระดับรายได้ไม่ให้ลดลง ส่วนการลงทุนภาคเอกชนจะเกิดขึ้นได้ก็คงต้องรอความชัดเจน จากการลงทุนโครงการรัฐที่จะเป็นตัวนำให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น

ศ.ดร.วรภัทร โตธนะเกษม กรรมการผู้จัดการ มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์กรภาครัฐ เคยเล่าไว้ในบทความ “พลังแห่งความคาดหวัง”ว่าหัวใจสำคัญของการบริหารไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารภาครัฐหรือเอกชน ต้องสามารถบริหารจัดการความคาดหวังหรือที่เรียกว่า “Management of Expectations” ให้ได้ รวมทั้งยกตัวอย่างถึงเศรษฐกิจของสหรัฐฯในสมัยของประธานาธิบดีจอร์จ บุช ที่เคยซบเซามากจนประชาชนไม่กล้าใช้จ่าย แม้บุชจะเดินทางไปทั่วประเทศพร้อมด้วยสโลแกน “please Spend” เรียกร้องให้คนจับจ่ายเศรษฐกิจก็ไม่ได้ดีขึ้น จนในที่สุดบุชก็พ่ายแพ้การเลือกตั้งให้กับ บิล คลินตัน ซึ่งสร้างความมั่นใจทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 

...สิ่งที่ยากที่สุดของการบริหารเศรษฐกิจอาจเป็นการบริหารความคาดหวัง ยิ่งเป็นความคาดหวังของคนทุกภาคส่วนในชาติ ในเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดยิ่ง ถือเป็นความท้าทายสำคัญของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ ภายใต้การนำของนายสมคิดอย่างแท้จริง