'กปปส.' ผู้ช่วยขุนศึก คสช.

'กปปส.' ผู้ช่วยขุนศึก คสช.

นับว่าเป็นการแถลงข่าวเปิดตัวมูลนิธิ ที่มีกองทัพนักข่าวไปร่วมมากที่สุด เนื่องจากประธานมูลนิธิ

คือ สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และปัจจุบัน “ลุงกำนัน” ของมวลมหา กปปส.

นอกจาก “สุเทพ” ในฐานะประธานกรรมการ มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ก็ยังมีคณะกรรมการดำเนินงาน ดังต่อไปนี้

สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รองประธานกรรมการ ,วิทยา แก้วภราดัย รองประธานกรรมการ ,อิสสระ สมชัย รองประธานกรรมการ ,ถาวร เสนเนียม รองประธานกรรมการ ,ชุมพล จุลใส กรรมการ ,ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ กรรมการ ,พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการ ,สกลธี ภัททิยกุล กรรมการ ,ณัฎฐพล ทีปสุวรรณ กรรมการและเหรัญญิก ,เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ กรรมการและเลขานุการ ,จิตภัสร์ กฤดากร กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

ชื่อเหล่านี้ ล้วนเป็น “คนสนิท” ของลุงกำนัน มาตั้งแต่ครั้งยังอยู่ในพรรค ปชป.

ในวันแถลงข่าว “สุเทพ” พูดชัดว่า มูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ จะปฏิบัติตามกฎหมาย และปฏิบัติตามคำสั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปในทางที่ดีขึ้น

สรุปว่า ยุทธศาสตร์ไม่เปลี่ยนคือ ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

ด้านยุทธวิธี ทุกการเคลื่อนไหว ทุกการทำกิจกรรมของมูลนิธิฯ จะเป็นไปเพื่อเป้าหมายคือ “รวบรวมกำลังผู้คนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน รักชาติรักแผ่นดิน มาทำงานในมูลนิธิฯ เพื่อรักษาประโยชน์ของชาติของแผ่นดินเป็นสำคัญ”

ยุทธวิธีเฉพาะหน้าคือ “หากจำเป็นต้องเคลื่อนไหว เพื่อปกป้องประโยชน์ของประเทศ เราจะทำ เช่นกรณีมีองค์กรต่างชาติ ไม่เข้าใจ เราก็จะส่งตัวแทนของเราไปชี้แจง ถ้ามีรัฐบาลบางประเทศ มีความเข้าใจผิด ตัดสินใจมาตรการใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยและคนไทย ก็จะส่งตัวแทนของเราไปอธิบายกับรัฐบาลประเทศนั้น สภาของประเทศนั้น สื่อมวลชนของประเทศนั้น ทั้งนี้ไม่ได้ต้องการเป็นปฏิปักษ์กับใคร แต่ต้องการได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม”

“สุเทพ” ระบุว่า จะเชิญ กษิต ภิรมย์ มาเป็นหัวหน้าทีมต่างประเทศ เพื่อชี้แจงเรื่องที่เห็นว่าประเทศเสียประโยชน์ทั้งในและต่างประเทศ

นักการเมืองเก๋าเกมรู้ดีว่า คสช.มีจุดอ่อนเรื่องการต่างประเทศ จึงต้องเผชิญกับปัญหาการจัดลำดับการค้ามนุษย์ หรือเทียร์ 3 ,ไอเคโอไม่ผ่านมาตรฐานปลอดภัยการบิน และแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย จึงอาสามารับบท ผู้ช่วย คสช.

แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. จะแสดงท่าทีขึงขังต่อหน้าสื่อมวลชน กรณีการกลับมาทำกิจกรรมในนามมูลนิธิฯ แต่ลึกๆ ใครก็รู้ว่า “บิ๊กตู่” กำลังต้องการผู้ช่วยกอบกู้สถานการณ์ด้านข่าวสาร และงานมวลชน

ยุทธการโลกล้อมไทย จะมีจริงหรือไม่? ไม่ทราบชัด แต่ที่แน่ๆ รัฐบาล คสช.ตกเป็นฝ่ายรับในเกมมหาอำนาจ ครั้นเหล่า “ขุนศึก” จะออกโรงตอบโต้ก็มี “ต้นทุนประชาธิปไตยต่ำ” เลยต้องอาศัย “นักการเมืองรุ่นใหญ่” มาคุมเล่นเกมการเมืองระหว่างประเทศ

ประกอบกับนับจากนี้ไป สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) กำลังจะจบสิ้นภารกิจ ตามคำแนะนำของ “นักแต่งตั้ง” บางคนที่ใกล้ชิด “ลุงกำนัน” และตอนนี้เป็น สนช. แถมแอบผันไปเป็นที่ปรึกษา คสช. 

คนพวกนี้ หนุนให้ คสช.ตั้ง “สภาขับเคลื่อนเพื่อการปฏิรูปประเทศ” และคาดหมายกันว่า น่าจะมีคนของ “ลุงกำนัน” ไปอยู่ในสภาใหม่หลายคน รวมทั้งมูลนิธิฯ ก็จะขานรับแนวคิดปฏิรูปประเทศของ คสช. ด้วยคำขวัญเชิงยุทธศาสตร์ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”

ดังนั้น ประโยคแรกที่อดีตพระสุเทพ ตอบคำถามสื่อว่า ทำไมจึงตัดสินใจลาสิกขา?

“หากเป็นภาษาพระจะเรียกว่ามีเหตุ มีปัจจัย มีหน้าที่อย่างอื่นที่ต้องปฏิบัติ จึงต้องสึก”

นี่แหละคือ เหตุปัจจัยและหน้าที่ของ กปปส.ภาคใหม่ ในฐานะผู้ช่วยอัศวินสีเขียวปฏิรูปประเทศ