การเมือง Selfie กัมพูชา:เมื่อ'ฮุนเซน-สม รังสี'เล่นเกมปรองดอง
การเมืองกัมพูชามีสีสันแปลก ๆ ได้ตลอดเวลา ภาพนี้นักการเมืองคู่รักคู่แค้นสูงสุดของเขมร นัดหมายเอาครอบครัวมากินข้าวกัน
และถ่าย selfie ด้วยกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่ก็ยังฟาดฟันกันด้วยวาทกรรมทางการเมืองเป็นระยะ ๆ ไม่ขาดสาย
เหตุการณ์ “ปรองดอง” ระหว่างนายกฯฮุนเซนหัวหน้าพรรค CPP (Cambodian People’s Party) กับหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านสม รังสีแห่งพรรค CNRP (Cambodia National Rescue Party) เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ณ โรงแรม Hotel Cambodiana
ฮุนเซน มาพร้อมภรรยา บุญ ราณี และลูกสี่คนพร้อมลูกเขยหนึ่งคน ขณะที่ สม รังสี ก็ควงภรรยา เทียวลอง ซัวมูรา และลูกสาวกับลูกชายมาร่วมรับประทานอาหารกันอย่างครึกครื้น ทำเอาคนเขมรตื่นเต้นและงุนงงกันพอสมควร
สม รังสี เอารูปที่ถ่ายกับฮุนเซนขึ้น Facebook ของตัวเองพร้อมกับแสดงความหวัง ว่าการสร้างบรรยากาศแห่งการพูดจาระหว่างผู้นำสองฝั่งที่เขาเรียกว่า Culture of Dialogue นั้นจะนำไปสู่ความเข้าใจระหว่างสองฝ่าย ตลอดไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานด้วย
“บนโต๊ะอาหารค่ำนี้ ไม่มีการคุยเรื่องการเมืองกัน” โฆษกพรรครัฐบาลบอกนักข่าว
หลังจากนั้นอีก 11 วันนายสม รังสี เขียนใน Facebook ว่าเป็นวันครบรอบหนึ่งปีของการลงนามในสัตยาบัน ระหว่างพรรครัฐบาลกับพรรคฝ่ายค้าน ในอันที่จะมีการสร้าง “วัฒนธรรมแห่งการสนทนาแลกเปลี่ยน” หรือ Culture of Dialogue เพื่อลดความขัดแย้งทางการเมือง
ข้อตกลงนี้เรียกภาษาทางการว่า Agreement on Political Settlement แปลตรงตัวคือสัญญาที่จะหาทางออกทางการเมืองระหว่างสองพรรคใหญ่
จะเรียกว่าเป็นความพยายาม “ปรองดอง” ก็ได้แต่ไม่ถึงกับถึงกล่าวหาว่า “เกี้ยเซี้ย” กัน
พูดให้ง่ายเข้าก็คือนายกฯฮุนเซนกับผู้นำฝ่ายค้านสม รังสีที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตทางการเมืองมายาวนาน จับมือตกลงว่าจะไม่ฟาดฟันกันดุเดือดรุนแรง ต่างฝ่ายต่างก็ยังมีจุดยืนทางการเมืองของตน ไม่ได้มีแผนจะตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ” หรือรวมพรรคสองพรรค แต่ก็จะพยายามหาทางพูดจากันเมื่อมีเรื่องขัดแย้ง ไม่ให้เกิดความรุนแรงจนต้องล้มตายกันอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
สม รังสีบอกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาตั้งแต่มีการลงนามในสัญญานี้ สถานการณ์การเมืองในประเทศก็ดีขึ้นตามลำดับ “แม้ว่าจะยังมีหัวข้อที่ทั้งสองพรรคยังตกลงกันไม่ได้ และแม้จะมีฝนฟ้าคะนองเป็นครั้งคราวบ้าง แต่พรรคฝ่ายค้าน CNRP ก็จะพยายามรักษาข้อตกลงนี้อย่างดีที่สุด”
นายสม รังสีบอกว่า “วัฒนธรรมแห่งการพูดจา” ของผู้นำทางการเมืองทุกค่ายนี่แหละจะนำไปสู่ความสงบสุข และความมั่นคงให้กับชาวกัมพูชา ด้วยการร่วมมือกันปกป้องอธิปไตยแห่งดินแดนและเอกราชของประเทศ
กฎหมายว่าด้วยสมาคมและองค์กรพัฒนาเอกชนหรือ NGO ที่เพิ่งเข้าสภาผ่านไปได้เพราะเสียงของพรรครัฐบาลยังมากกว่า พรรคฝ่ายค้านก็ยังยืนยันยกมือคัดค้าน เพราะการแสดงท่าทีผ่อนปรนของฝ่ายค้านต่อรัฐบาลอาจจะทำให้เสียฐานคะแนนเสียงของตัวเองได้
นักวิเคราะห์การเมืองเขมรมองว่า ฮุนเซนพร้อมจะเล่นเกมปรองดองกับสม รังสีเพราะไม่มีอะไรจะเสีย เผลอ ๆ จะทำให้คนในพรรคฝ่ายค้านที่ไม่พอใจมีปัญหากับหัวหน้าพรรคเองด้วยซ้ำ และคนเขมรที่ผิดหวังกับสม รังสีที่ยอม “จูบปาก” กับฮุนเซนอาจจะไม่ลงคะแนนเสียงให้ในครั้งหน้าก็ได้
ด้านสม รังสี ก็ถือว่าเกมนี้อาจจะทำให้ฮุนเซนยอมลดบทบาทของตัวเอง หลังจากครองอำนาจเบ็ดเสร็จมา 30 ปี เพื่อเปิดทางให้อีกฝ่ายหนึ่งได้ “แบ่งสรรอำนาจ” โดยไม่ต้องใช้วิธีการต่อต้านต่าง ๆ ซึ่งอาจจะหมายถึงการล่มสลายของฮุนเซนอย่างหมดรูปก็ได้
ปรองดองกันจริงหรือเป็นเพียงปาหี่เขมร ก็คงรู้กันในไม่ช้านี้