ลุ้นฐานใหม่ดัชนีหุ้นไทย 1,350 จุด

ลุ้นฐานใหม่ดัชนีหุ้นไทย 1,350 จุด

ดัชนีตลาดหุ้นไทย กำลังอยู่ในช่วงปรับฐานรอบใหม่อีกครั้ง หลังจากปรับลดลงไปต่ำสุดรอบ 14 เดือน

ดัชนีตลาดหุ้นไทยกำลังอยู่ในช่วงปรับฐานรอบใหม่อีกครั้ง หลังจากปรับลดลงไปต่ำสุดรอบ 14 เดือน ขณะที่นักลงทุนคงเกิดอาการกล้าๆกลัวๆ ที่จะตัดสินใจว่า ในตอนนี้ ถึงเวลาเข้าลงทุนได้หรือยัง ซึ่งหากพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมที่มีอิทธิพล ประกอบกับความคิดเห็นของบรรดาโบรกเกอร์หลายๆแห่ง น่าจะพอจะสรุปได้ว่า ยังไม่ถึงเวลา หรือ ควรรออีกสักระยะ เพราะสถานการณ์ยังไม่นิ่ง ขณะเดียวกันถ้าพิจารณาจากกรอบดัชนีที่โบรกเกอร์ประเมินออกมา หากดัชนีต่ำกว่า 1,400 จุดมีโอกาสลงลึกไปถึง1,350 จุดอีกครั้ง

เหตุผลที่ประเมินเช่นนั้น เพราะปัจจัยที่จะมีอิทธิพลระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า ล้วนเป็นปัจจัยที่มีความเสี่ยงมากกว่า ปัจจัยที่จะสนับสนุนให้ดัชนีตลาดหุ้นทะยานต่อไป

บล.ทรีนีตี้ ประเมินว่า การที่นักลงทุนต่างชาติยังคงเดินหน้าขายสุทธิหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมองปัจจัยกดดันที่เพิ่มขึ้น ทั้งราคาน้ำมันที่ทำจุดต่ำสุดใหม่ เรื่องตัวเลขส่งออกที่แย่กว่าคาด โดยตัวเลขส่งออกที่ออกมาหดตัวกว่า 7.9% ถือว่า Surpriseพอสมควร เนื่องจากเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เงินบาทอ่อนค่าอย่างมีนัยสำคัญ แสดงถึงปัญหาเชิงโครงสร้าง และอุปสรรคทางการค้ากับบางประเทศ เช่น ปัญหาการค้ามนุษย์ที่ล่าสุดไทยยังคงอยู่ในTier 3 ต่อไป ทั้งนี้ มองตัวเลขส่งออกที่ออกมาย่ำแย่นี้ ทำให้ความเสี่ยงขาลงของจีดีพีไทยปีนี้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และน่าจะทำให้การหั่นประมาณการจีดีพีในตลาดเกิดขึ้นต่อไป

บรรยากาศเชิงลบจากตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวลงกว่า 8% หุ้นจีนที่เข้าสู่โหมดปรับฐานอีกครั้ง มองหุ้นขนาดใหญ่ยังคงถูกกดดันจากกระแสเงินทุนที่ไหลออก ดังนั้นยังคงแนะนำถือเงินสดในส่วนที่เหลือ เพื่อรอดูสถานการณ์ และแนวรับ 1,395 จุด

บล.ฟิลลิปประเมินว่า ต่างชาติยังคงขายอย่างหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาพการปรับขึ้นเป็นไปได้ยาก ขณะที่ทางฝ่ายยังมีความกังวลต่อการปรับประมาณการกำไรตลาดลงในอนาคต โดยการปรับกำไรตลาดลงทุก 1% จะส่งผลต่อราคาดัชนีราว 8 จุด ฝ่ายวิจัยประเมิน กรณีฐานอาจมีการปรับกำไรลงราว 5% ณ ระดับพีอีเรโชปีนี้ที่ 15เท่า ดัชนีจะอยู่ที่ 1405 จุด และหาก 1,400 จุด รับไม่อยู่ แนวรับถัดไปอยู่ที่ระดับ 1,367จุด ดังนั้น อาจต้องทยอยตัดขาดทุนออกไปก่อน

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ระบุว่าตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยบวก แต่มีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีนชะลอตัวเข้ามาเพิ่ม ขณะที่ผลประกอบการบจ.ไทยงวดไตรมาส 2ปีนี้ค่อนข้างอ่อนแอ และแนวโน้มไตรมาส 3จะถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้กลุ่มพลังงานกลับไปมีผลขาดทุนในสต็อก

ส่วนการอ่อนค่าของเงินบาท เกิดผลดีไม่เต็มที่ ฝ่ายวิจัยคาดว่าแนวโน้มค่าเงินบาทอ่อน และภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาทำให้นักลงทุนต่างชาติจะยังไม่กลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเร็วนัก แต่อาจมีพวกเข้ามาเก็งกำไรเป็นระยะๆขณะนี้บล.ดีบีเอส ประเมินกรอบเป้าหมายดัชนีช่วงที่เหลือของปีนี้ไว้ที่ 1350-1500 จุด โดยบนกรอบนี้มีค่าโอกาสความเป็นไปได้ อยู่ที่ 75.6%

บล.เอเซียพลัสระบุว่า หากพิจารณาตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค. จนถึงปัจจุบัน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิสะสมในตลาดหุ้นภูมิภาคราว 4,089 ล้านดอลลาร์ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทยที่ถูกขายสุทธิสะสมสูงถึง 765 ล้านดอลลาร์ ถือได้ว่าเป็นเดือนที่มีแรงขายสูงที่สุดในปีนี้ และหากสังเกตจากสถานะการซื้อสะสมสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย นับจากปี 2552 มีมูลค่าตามราคาตลาดลดลงเหลือเพียง 2.3 พันล้านบาท

แม้แรงขายจากต่างชาติจะมีจำกัด แต่ตลาดหุ้นไทยยังถูกแวดล้อมด้วยปัจจัยลบในประเทศ ทำให้เชื่อว่ากระแสเงินจากต่างชาติยังไม่น่าจะกลับเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทยในระยะสั้น เมื่อ ปัจจัยแวดล้อมตลาดหุ้นไทยทั้งในและต่างประเทศ ยังเป็นลบ ทำให้การปรับฐานราคายังเกิดขึ้นได้ต่อ ทั้งนี้หากต้องปรับลดประมาณการกำไรสุทธิบจ.ปี 2558 ลงอีก 4% และจะได้กรอบดัชนีที่ 1,378-1,425 จุด