จีน-ญี่ปุ่น : ต่างฝ่ายต่างซ้อมรบ

จีน-ญี่ปุ่น : ต่างฝ่ายต่างซ้อมรบ

เพิ่มระดับความตึงเครียดกันทั่ว

เพิ่งเขียนเรื่องสหรัฐ อินเดียและญี่ปุ่นร่วมซ้อมรบเพื่อระดมกำลังสกัดจีนในทะเลย่านนี้ ก็มีข่าวว่ากองทัพเรือจีนก็ประกาศซ้อมรบเหมือนกัน...บริเวณรอบ ๆ เกาะไห่หนาน (ไหหลำ) ในทะเลจีนใต้ เริ่มตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา

การซ้อมรบยังดำเนินการอยู่ขณะที่ผมเขียนอยู่นี้เพราะทั้งหมดจะใช้เวลา 10 วันเต็ม ๆ

หากเราขึ้นเครื่องบินสำรวจทะเลย่านนี้ในช่วงนี้ ก็จะเป็นความคึกคักของกิจกรรมทางทหารของทั้งฝ่ายสหรัฐฯ และจีน ที่ต้องการจะแสดงแสนยานุภาพให้ประจักษ์ เพื่อส่งสารไปให้อีกฝ่ายหนึ่งว่าอย่าได้กร่างเกินกว่าเหตุเป็นอันขาด

อุณหภูมิการเมืองในทะเลไม่ว่าจะเป็นทะเลจีนใต้ หรือทะเลจีนตะวันออกกำลังร้อนรุ่มอย่างน่าเป็นห่วงยิ่ง

สำนักบริหารความปลอดภัยทางทะเลของจีนประกาศเสียงกร้าวว่า “ระหว่างการซ้อมรบครั้งนี้ ห้ามเรือใด ๆ เข้าในเขตที่กำหนดเป็นอันขาด”

ไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงเรือของใคร แต่น้ำเสียงออกมาอย่างนี้ไม่เป็นมิตรกับเพื่อนบ้านเป็นแน่นอน

ขณะเดียวกัน ผู้บัญชาการกองเรือแปซิฟิกของสหรัฐคนใหม่ พลเรือเอกสก๊อต สวิฟท์ก็ส่งเสียงดังก้องว่าอเมริกาจะปกป้องผลประโยชน์ของตนอย่างเต็มที่

ว่าแล้วก็ขึ้นเครื่องบินลาดตระเวนเหนือทะเลจีนใต้เป็นเวลา 7 ชั่วโมงเต็ม ๆ เพื่อสังเกตการณ์กิจกรรมทางทหารของฝ่ายจีนและชาติอื่น ๆ ที่มีความขัดแย้งกันอยู่ในบริเวณนั้น

กระทรวงกลาโหมจีนไม่รีรอที่จะบอกว่าการที่สหรัฐส่งเครื่องบินลาดตระเวน เหนือน่านน้ำที่จีนอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของไม่ใช่ท่าทีที่เป็นมิตร และการกระทำนั้นย่อมบ่อนทำลายความไว้วางใจระหว่างปักกิ่งกับวอชิงตันด้วย

จีนไม่ถึงกับบอกว่าขอให้มะกันหยุดการกระทำ แต่ท่าทีเช่นนั้นย่อมสร้างความตึงเครียดในอาณาบริเวณนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้

อาการระหองระแหงเพิ่มดีกรีขึ้นอีกเมื่อฟิลิปปินส์เอาเรือรบไปซ่อมใกล้ ๆ แนวหินชื่อ Ren’ai Reef ในทะเลจีนใต้ซึ่งเป็นบริเวณที่จีนยืนยันว่าเป็นน่านน้ำของตน ฟิลิปปินส์ไม่ยอม กลายเป็นประเด็นร้อนแรงอีกเรื่องหนึ่ง

เดือนที่ผ่านมา ฟิลิปปินส์ร่วมซ้อมรบสองครั้งในทะเลจีนใต้ ครั้งแรกกับสหรัฐ และอีกรอบหนึ่งกับญี่ปุ่น

ไม่ต้องสงสัยว่าใครอยู่ข้างไหนในการเผชิญหน้ากลางทะเลเช่นนี้

การซ้อมรบทางทะเลครั้งใหม่จึงยกระดับความขัดแย้งสูงขึ้น แม้ว่าปักกิ่งจะยืนยันว่าเป็นกิจกรรมปกติประจำปีของจีนเอง ไม่ได้มีความเกี่ยวพันอะไรกับการซ้อมรบของประเทศอื่น ๆ ในแถบนี้ เป็นเพียงการเสริมสร้างประสิทธิภาพการป้องกันประเทศเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น

ในจังหวะเดียวกัน รัฐบาลญี่ปุ่นก็ออก สมุดปกขาว ทางด้านความมั่นคง พร้อมถ้อยแถลงดุดันบอกว่า การที่จีนใช้วิธีการแข็งกร้าวในการอ้างสิทธิ์ เหนือหมู่เกาะบางแห่งในทะเลนั้นเป็นการสร้างความตึงเครียดเพิ่มขึ้น อย่างน่ากังวลยิ่ง

ภาษาที่ใช้ในเอกสารนี้สะท้อนถึงความกร้าวของนายกฯชินโซะ อาเบะที่กำลังแก้กฎหมายเพื่อให้รัฐบาลญี่ปุ่นสามารถสร้างเสริมพลังทางทหาร ในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

จีนกำลังพยายามจะเปลี่ยนสถานภาพทางทะล กระทำการด้วยตนเอง ไม่ยอมประนีประนอม ก่อให้เกิดความกังวลในประชาคมโลกอย่างยิ่ง... เป็นคำแถลงในสมุดปกขาวที่หนีไม่พ้นว่าจะต้องเจอกับเสียงตอบโต้อย่างดุเดือดจากปักกิ่งทันที

จีนบอกว่าญี่ปุ่นบิดเบือนสิ่งที่เรียกว่า “การคุกคามทางทหารจากจีน” และกล่าวหาญี่ปุ่นว่า “ปฏิเสธข้อเท็จจริง และใช้ถ้อยคำที่ไร้ความรับผิดชอบเพื่อยกระดับความตึงเครียดในย่านนี้”

เรียกว่า “ซัดกันหมัดต่อหมัด” ทีเดียว

ถ้ายังเป็นแค่แลกกันด้วยวาทกรรมก็ยังพอไหว ที่น่ากลัวคือจะเป็นการยิงใส่กัน...นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของโกลาหลที่แท้จริง