ระวัง 'ม้าขาเป๋' ล้มกลางศึก

ระวัง 'ม้าขาเป๋' ล้มกลางศึก

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือว่า กระแสข่าว“ปรับ ครม.” เป็นกระแสหลักตลอดสัปดาห์ก็ว่าได้

 และแม้แต่วันนี้ที่ดูเหมือนฝ่ายรัฐบาลจะยังไม่ยอมรับว่า เป็นเรื่องจริง แต่กระแสก็ยังคงยึดครองพื้นที่สื่ออยู่นั่นเอง

ความจริง ต้องยอมรับว่า กระแสข่าวปรับ ครม.มีมาก่อนหน้า ที่“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ออกมาพูดว่าตัวเองไม่ใช่พระเอกขี่ม้าขาว แต่เป็นม้าขาเป๋ แล้ว

นั่นคือ กรณีมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 เรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของสมาชิก สนช.(สภานิติบัญญัติแห่งชาติ) จากเดิมที่เคยกำหนดว่า ต้องไม่เคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง” เป็น ไม่อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง อันจะมีผลผูกพันไปถึง ตำแหน่งรัฐมนตรี และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้วย

เพราะช่วงนั้น แม้แต่ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ยอมรับว่า เป็นการเปิดช่องให้คนบ้านเลขที่ 111 หรือ 109 ที่ถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปีมาแล้ว ส่วนจะตั้งให้ดำรงตำแหน่งอะไรหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และทำให้เห็นว่า “คสช.” ไม่ได้มีอคติกับฝ่ายตรงข้ามแต่อย่างใด และพร้อมทำงานร่วมกัน สำหรับคนที่ทำงานร่วมกันได้ อะไรประมาณนั้น

และอย่างที่รู้กันว่า “บิ๊ก คสช.” ต่างก็มีคอนเน็คชั่นกับนักการเมืองหลายพรรคอยู่แล้ว

จากนั้น กระแสข่าว ปรับ ครม. เพื่อเอาสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้าร่วม ครม.ในฐานะ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ก็เป็นไปอย่างครึกโครม ท่ามกลางกระแสข่าว วงใน” รัฐบาลไม่ขานรับเท่าที่ควร โดยเฉพาะระดับบิ๊กเหนือบิ๊ก ที่ยังคงสนับสนุน“หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจต่อไป อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู

นี่เอง ทำให้ปัญหาการปรับ ครม. ถูกมองว่า เป็นปัญหาภายในรัฐบาลคสช.เอง

ส่วนกระแสข่าวที่มาแรงในพักหลัง และแทบจะไม่จำเพาะเจาะจงไปที่การปรับเอา“สมคิด”เข้ามาเท่านั้น ก็เนื่องจากมีโผปรับครม.ออกมาอย่างต่อเนื่อง และที่น่าสนใจก็คือ การมีชื่ออดีตนักการเมือง โดยเฉพาะสองพรรคใหญ่ต่างขั้ว ถูกปรับเข้าร่วมรัฐบาลด้วย

อาจด้วยเหตุนี้ ก็เป็นได้ ที่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องการให้เรื่องนี้มีแรงกระเพื่อมมากนัก จึงพยายามสยบกระแสมาตลอด

แต่ประเด็นที่ไม่อาจมองข้ามก็คือ ผลสำรวจของกรุงเทพโพล“ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ”ที่พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ59.8เห็นด้วย หากพล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี จะมีการปรับครม.เพราะเริ่มไม่เชื่อมั่นในความสามารถของ ครม.ชุดปัจจุบัน

ยิ่งกว่านั้น ร้อยละ74.4ยังต้องการให้ปรับ ครม.กระทรวงด้านเศรษฐกิจมากที่สุดอีกด้วย

ล่าสุดถ้าฟังจาก พล.อ.ประยุทธ์ (25ก.ค.) ที่ว่า“กำลังคิดอยู่ คือไม่อยากให้มีผลกระทบ แต่ถ้าปรับก็คือปรับ ไม่ปรับก็คือไม่ปรับ...”

นั่นแสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์ เอง ก็เริ่มให้ความสนใจเสียงสะท้อนจากประชาชนขึ้นมาแล้ว

ทั้งยังคิดว่าไม่น่าจะฝืนกระแสไปได้นานด้วย

ส่วนถ้าขืนปล่อยไป มองว่าปัญหาที่เป็นอยู่ แค่เรื่องเล็กน้อย อะไรจะเกิดขึ้น

ปัญหาที่จะตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย ก็คือ ความเสื่อมศรัทธาต่อ “คสช.” และรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ได้เวลานับถอยหลัง

จากนั้นเมื่อความเบื่อหน่ายถึงที่สุด กระแสความนิยมจะสวิงกลับไปยังฝ่ายตรงข้ามทันทีที่สำคัญประชาชนจะนำเอากลับไปเปรียบเทียบกับการอยู่ภายใต้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ถึงตอนนั้น จะปรับเปลี่ยนอะไร ก็คงจะสายเสียแล้ว

วันนี้แทนที่รัฐบาลจะหงุดหงิดกับกระแสข่าวปรับ ครม. หรือหาต้นตอที่มาของคนปล่อยข่าว ควรจะเอาเวลาไปคิดดีกว่าว่า รัฐมนตรีคนใดบ้าง ที่ผลงานไม่เข้าตาประชาชน และควรที่จะเปิดทางให้คนอื่นพิสูจน์ฝีมือได้แล้ว

หาไม่ วันหนึ่ง หากม้าขาเป๋ล้มลงกลางศึก... อย่าว่าแต่รบชนะเลย แค่เอาตัวรอดกลางสนามรบ ก็คงยากแล้ว