เรียนรู้ภาวะผู้นำและการบริหารแบบ “ซิโก้”

เรียนรู้ภาวะผู้นำและการบริหารแบบ “ซิโก้”

ฟุตบอลกับการบริหาร..เกี่ยวข้องกันอย่างไร ลองมาหาคำตอบจากคอลัมน์ในวันนี้ดูนะครับ!

มาเริ่มที่ ทีมชาติไทยกันดีกว่า “ทีมชาติไทย” ผ่านยุครุ่งเรืองและยุคตกต่ำ หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไปตามวัฏจักร..และไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็ถือเป็นยุคตกต่ำของทีมชาติไทย ที่ตกรอบแรกซีเกมส์เมื่อหลายปีก่อน ล้มเหลว ทั้งระดับภูมิภาคในทุกครั้งที่ลงแข่ง ไม่ว่าจะจ้าง Coach ต่างชาติค่าตัวแพงๆ กี่คนๆ จนเปลี่ยนมาใช้ Coach คนไทยด้วยกัน ก็ยังคงล้มเหลวต่อเนื่อง จนทำให้ความศรัทธาของแฟนบอลคนไทยอยู่ในช่วงตกต่ำสุดๆ!

จนกระทั่งการมาของชายคนที่ชื่อ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ซิโก้” หนุ่มขอนแก่น อดีตนักฟุตบอลอันดับ1 ของไทยและย่านอาเซียน ในยุค “ดรีมทีม” ของ บิ๊กหอย (ธวัชชัย สัจจกุล) อดีตผู้จัดการทีมยุครุ่งเรืองของทีมชาติไทย

ซีเกมส์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่พม่าเป็นเจ้าภาพ ซิโก้ นำทัพทีมชาติไทย กระชากเหรียญทองกลับมาครองได้ หลังห่างหายจากเหรียญทองซีเกมส์ไปซะหลายปี เท่านั้นยังไม่พอ..ยังพาทีมชาติไทยไปคว้าเหรียญทองในฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ปีที่แล้วที่ไทยไม่ได้แชมป์ในรายการนี้มา 12 ปีแล้ว!

ยังไม่สาแก่ใจ! ซิโก้นำทัพทีมฟุตบอลไทยไปคว้าที่ 4 ในเอเซียนเกมส์ และล่าสุด..ส่งมือขวา โชคทวี นำทีมชาติไทยคว้าเหรียญทองฟุตบอลซีเกมส์ที่สิงคโปร์เป็นเจ้าภาพในเดือนมิถุนายนปีนี้เอง!

กระแสฟุตบอลไทยฟีเวอร์ ขึ้นถึงจุดสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในปีที่ผ่านมา แถมยังสร้าง “ซุปตาร์” แบบไม่ได้ตั้งใจให้เกิดอีกหลายคน เช่น ชัปปุยส์ กลองกลางตัวรุกลูกครึ่งไทย-สวิส สุดหล่อขวัญใจสาวๆ ทั่วไทยและทั้งอาเซียน!

ประเด็นที่น่าสนใจ และควรเรียนรู้เพื่อนำมาปรับใช้ในการบริหารทีมงานของเราๆ ท่านๆ ก็คือ...เพราะอะไรที่ให้ Coach ให้ผู้จัดการทีมกี่คนๆ มาทำทีมชาติไทยก็ล้มเหลว...แต่ ซิโก้ ถึงทำสำเร็จและสำเร็จอย่างต่อเนื่อง!

ความสำเร็จนี้ เริ่มต้นที่...

1.ผู้นำทีม!

ซิโก้ ในอดีตที่เป็นดาวยิงอันดับ1 ของไทยและอาเซียน ประสบความสำเร็จทั้งในประเทศไทย ไปเล่นลีกอาชีพที่สิงคโปร์และเวียดนาม(ที่ซิโก้เป็นนักเตะและต่อมาคุมทีมฮอง อันห์ ยาลาย 1 ในทีมลีกของเวียดนาม จากทีมธรรมดาๆ ไปเป็นทีมแชมป์อย่างต่อเนื่อง จนเป็นขวัญใจของคนเวียดนามทั้งประเทศจนถึงปัจจุบัน)

ความสำเร็จของ ซิโก้ มาจาก “พรแสวง” มากกว่า “พรสวรรค์”! เป็นคนที่มีวินัยตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะจนกระทั่งปัจจุบัน ใช้ชีวิตที่ไม่ฟุ้งเฟ้อ มีความมุ่งมั่นที่จะพาทีมชาติไทยกลับมาสู่ความสำเร็จอีกครั้ง ผ่านการอบรมในเรื่อง Coach อย่างเป็นระบบ และวางแผนการสร้างทีมทั้ง ระยะสั้น ระยะกลางไปจนถึงระยะยาว

นอกจากนี้ สต๊าฟโค้ช ก็คัดแต่ทีมงานที่มีทัศนคติและความสามารถที่ “พูดจาภาษาเดียวกัน คือ ภาษาของมืออาชีพ!” ไม่เอาพวกเหลาะแหละ หรือรู้ใจแต่ไร้ความสามารถและความทุ่มเท!

ด้วยความสามารถและความสำเร็จที่ผ่านมาของซิโก้ รวมทั้งการวางตัว วางกรอบระเบียบ “นำโดยการทำตนให้เป็นแบบอย่างที่ดี” ทำให้นักเตะทุกคน เคารพและศรัทธา เชื่อฟัง ได้รับการหล่อหลอมให้กลายเป็นทีมที่มีศักยภาพ!

2.ทีม(นักเตะ)

ทีมชาติไทยทั้งยุคที่พอจะรุ่งเรือง ต่อเนื่องมาจนถึงยุคตกต่ำ จะมีนักเตะประเภท “อารมณ์ร้อน” ประเภท “ขี้เก๊ก” ประเภท “เก๋าส์ขาใหญ่” ประเภท “เล่นแบบเห็นแก่ตัว” ผสมผสานคละเคล้ากัน มารวมตัวเฉพาะกิจ มาเล่นแบบปราศจากความทุ่มเท คิดว่าข้าแน่ ยังไงก็ติดทีมชาติทุกครั้งอยู่แล้ว ไม่ต้องแปลกใจที่ผ่านมาถึงเละและล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง!

เมื่อซิโก้เข้ามาคุม..ก็เริ่มกระบวนการ “คัดสรร” นักฟุตบอลทีมชาติทั้งชุดใหญ่ และ ชุดเล็ก โดยเน้นที่ ทัศนคติ วินัย การควบคุมอารมณ์ ทำให้ได้สายเลือดใหม่ๆ มาหล่อหลอม เป็น ดรีมทีมยุคใหม่ ที่ไม่มีพวกเก๋า พวกอารมณ์ร้อนฯลฯ เข้ามาติดทีมเลย! (เรียกว่า “ถ่ายเลือดแบบหมดจด” และได้ผลที่ดีกว่าที่คาดไว้จริงๆ)

3.ฝึกซ้อมและวางระบบทีมและรูปแบบทีมให้ “มีทรง”

ทีมของซิโก้ เล่นแบบวิ่งไม่มีหมดจนถึงหมดเวลา(ทีมชาติยุคตกต่ำ ยังไม่จบครึ่งแรกก็เดินเล่นบอลเพราะหมดแรง ขาดการฟิตซ้อม) และยังสร้างทรงบอลให้มีรูปแบบการต่อบอลที่สวยงาม คล้ายๆ ติกี้ ตาก้า ของทีมบาร์เซโลน่า ยอดทีมของยุโรป และของโลก ที่เน้นการครองบอล ต่อบอลที่สวยงามในเกมรุก

4.เน้นทีมเวิร์ค

ทั้งรูปแบบการเล่น โดยเฉพาะ “ทัศนคติ” ที่ทุกคนทำเพื่อทีม ไม่ใช่ทุกคนต้องเล่นตามใจ “ซุปตาร์” แค่คนสองคนเหมือนที่ผ่านมา ถึงแม้ภายหลังจะมี “ซุปตาร์” เกิดขึ้น แต่ทุกคนก็ยังมีความเป็นทีมเวิร์คอย่างเหนียวแน่น

ขอบคุณ “ซิโก้” ที่ “คืนความสุขและความภาคภูมิใจ” ให้กับแฟนบอลชาวไทย ที่ได้รับการยกย่องชื่นชมไปทั่วทั้งอาเซียน และสื่อของเอเซียและยุโรปยังชื่นชม

และขอบคุณที่ทำให้ทุกคน ได้เรียนรู้และนำมาประยุกต์ใช้ ในเรื่อง ภาวะผู้นำ การสร้าง การบริหารทีมสู่ความสำเร็จ

ขอคาราวะจากใจจริงครับ