ปลุกผี..เพื่ออะไร?

ปลุกผี..เพื่ออะไร?

ภาคประชาชนเชิงอุดมการณ์ ได้ประชุมกันที่ภาคอีสาน เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองในชั่วโมงนี้

 ที่หลายฝ่ายมองว่า คสช. กำลังดำเนิน ยุทธศาสตร์เดินหน้าชน ต่อฝ่ายตรงข้าม

แกนนำภาคประชาชน (กลุ่มที่แอบเชียร์ คสช.อยู่) กลับมองต่างมุม พวกเขาเชื่อว่า กรณี ถอนพาสปอร์ต หรือ ถอดยศ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นยุทธการ ปลุกผีแม้ว ของฝ่ายกุมอำนาจปัจจุบัน

เนื่องจาก คสช. มีภารกิจสำคัญที่จำเป็นต้องอยู่ในอำนาจต่ออีก 2-3 ปี จึงต้องสร้างเงื่อนไขในการดำรงสถานะผู้กุมอำนาจตัวจริงต่อไป นี่คือการวิเคราะห์ของภาคประชาชนภาคอีสาน

ลองมาไล่ดูทีละประเด็น ว่ามันเป็นไปดังบทวิเคราะห์ของนักกิจกรรมรุ่นเก๋าเหล่านั้นหรือไม่?

ประเด็นการเพิกถอนพาสปอร์ต พ.ต.ท.ทักษิณ ในรัฐบาลสุรยุทธ์ หรือรัฐบาลอภิสิทธิ์ ล้วนมีที่มาจากแรงกดดันจากภาคประชาชนที่ “ไม่เอาระบอบทักษิณ”

แม้แต่รัฐบาลประยุทธ์ ก็มีเสียงท้วงติงมาจาก “ขาใหญ่” ฝ่ายต้านระบอบทักษิณอยู่เนืองๆ เรื่องของข่าวลือ “ดีลเกี้ยเซี้ย” ระหว่าง “พี่ใหญ่บูรพา” กับ “นอมินีทักษิณ”

อย่างไรก็ตาม การถอนพาสปอร์ตทักษิณของรัฐบาลประยุทธ์ ถูกเพิ่มน้ำหนักโดยการแจ้งความเอาผิดในคดี 112 ต่อทักษิณ โดยกองทัพบก

“สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดและทำคือการปรองดองอย่างนั้นหรือ ควรดูที่ต้นทางคนพูด ต้องไปถามตัวเองว่าพูดทำไม และเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาส่วนตัว ทุกคนไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกับพ.ต.ท.ทักษิณ การดำเนินการของผมและกองทัพบกเป็นเรื่องส่วนรวม”

  พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. หมายถึงคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านสื่อท้องถิ่นในเกาหลีใต้ ที่ทำให้กองทัพเสียหาย จึงต้องออกมาปกป้องศักดิ์ศรีกองทัพ

นอกจากการเพิกถอนพาสปอร์ต ยังตามมาด้วยกระบวนการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเวลานี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้ส่งรายงานมติคณะกรรมการพิจารณาถอดยศคืนกลับไปยัง พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ที่ปรึกษา (สบ10) ในฐานะประธานคณะกรรมการดำเนินการ เพื่อให้คณะกรรมการทุกคนลงนามรับรองความถูกต้องในรายงานให้สมบูรณ์

กองเชียร์ คสช.ส่งเสียงดังอึงมี่ หวังให้ พล.อ.ประยุทธ์ รุกฆาตต่อระบอบเก่าอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งในจังหวะรุกของ คสช. ก็เห็นการ “ห้ามล้อ” ของขุนทหารใหญ่บางนายเป็นระยะๆ

ครั้นหันไปตรวจแถว “มวลชน” กลุ่มที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ต่อกรณี “ถอนพาสปอร์ต” และ “ถอดยศ” ก็มีข้อสังเกตอยู่หลายอย่าง

ที่มีการตอบโต้ “คสช.” อย่างรุนแรง ก็จะปรากฏในสื่อโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ค หรือไลน์ แต่ในการเคลื่อนไหวที่เป็นรูปธรรมแบบเดิมๆ กลับไม่ปรากฏเห็น

อดีต ส.ส.เพื่อไทย และเหล่าแกนนำเสื้อแดงระดับท้องถิ่น ยังอยู่ในที่ตั้งอย่างสงบตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดผ่านสื่อนอกเมื่อสัปดาห์ก่อน

ขณะที่สภาพเศรษฐกิจรากหญ้าโดยรวม กลับน่าวิตกยิ่ง แกนนำภาคประชาชนอีสานเปรียบเปรยไว้น่าสนใจ

  “เศรษฐกิจรากหญ้าในชนบทเปรียบเสมือนวงไฮโล คนเล่นกระเป๋าหนักได้แต่ยืนมองอยู่รอบวง ไม่ควักแบงก์ออกมาแทง ส่วนคนที่เล่นก็หน้าเดิมๆ ใช้เหรียญห้าเหรียญสิบแทงวนไปวนมา

เม็ดเงินภาครัฐที่อัดฉีดลงไปในท้องถิ่น กลับมีการว่าจ้างและสร้างงานน้อยมาก เพราะกลุ่มทุนท้องถิ่นที่ใกล้ชิดฝ่ายการเมือง “อำนาจเก่า” ไม่เสนอตัวเข้ามาประมูลงานภาครัฐ

มิพักราคาสินค้าภาคเกษตรที่ตกต่ำต่อเนื่อง เมื่อเงินไม่หมุนไปในสังคมชนบท ย่อมก่อให้เกิดภาวะข้าวยากหมากแพง ขนาดพวกนายทุนเงินกู้นอกระบบ ยังไม่ยอมปล่อยสินเชื่อรายย่อย

แกนนำภาคประชาชนอีสาน จึงมองว่า ฝ่ายอำนาจเก่าเล่นบท “นิ่ง” อดทนต่อการรุกไล่ของอีกฝ่ายหนึ่ง ด้วยเชื่อว่า เกมนี้ ใครอึดกว่าเป็นผู้ชนะ?

  “ผีจึงถูกปลุกขึ้้นมาอีกครั้ง เพื่อภารกิจปฏิรูป ไม่เสียของและการสถาปนา อำนาจนำในห้วงเวลาที่สำคัญยิ่งของประเทศไทย