'ประสาร'นั่งเก้าอี้รองนายกฯ แทน'ปรีดิยาธร'มีอะไรในกอไผ่

'ประสาร'นั่งเก้าอี้รองนายกฯ แทน'ปรีดิยาธร'มีอะไรในกอไผ่

“การทำงานต้องมาเป็นทีม ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกัน เพราะต่อให้ 100 ประยุทธ์

 100 หม่อมอุ๋ย หรือ 100 ประวิตรก็แก้ไม่ได้ บ้านเมืองจะเดินไปได้ ไม่ใช่รัฐบาลหรือนักการเมืองอย่างเดียว ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ต้องดำเนินการนโยบายให้ต่อเนื่อง” ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ปฏิเสธกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนทีมเศรษฐกิจ โดยกล่าวว่า เอาข่าวมาจากไหน คุณก็ไปตั้งกันเอาเองแล้วกัน ไหนบอกมาสิว่าไม่ดีตรงไหน ตอนนี้ทีมเศรษฐกิจก็ทำงาน กำลังเดินไปได้ผมก็ได้คุยกับนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ท่านก็บอกว่าปัญหาเศรษฐกิจมีในระดับจุลภาค คือเศรษฐกิจในระดับล่างไม่เข้มแข็ง

หลังจากมีรายงานข่าวว่า จากการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.บริหารประเทศมาได้ครบ 1 ปี โดยมีการประเมินสถานการณ์ด้านต่างๆ โดยเฉพาะงานด้านเศรษฐกิจที่ยังต้องปรับปรุงอีกมาก รวมถึงเป้าหมายของคสช.ที่ต้องการปฏิรูปในเรื่องสำคัญทั้งด้านพลังงาน ภาคการเกษตรที่สามารถเพิ่มผลผลิตและรายได้ของเกษตรกร การเรียกคืนผืนป่าและการจัดสรรที่ดินทำกิน ที่ยังไม่สามารถเดินหน้าได้อย่างที่คาดหวัง จึงเริ่มมีการหารือเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงทีมเศรษฐกิจกันใหม่ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยหวังว่าจะทำให้ทิศทางการบริหารเศรษฐกิจไทยดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้มีการทาบทามนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ไปเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล แทน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร อย่างไรก็ตามผู้ว่าการธปท.ได้ปฏิเสธข่าวว่าไม่ได้รับการทาบทามแต่อย่างใด

ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดถึงตารางเวลาการทำงานของรัฐบาล หากต้องการที่จะทำประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปแล้ว อายุการทำงานของรัฐบาลอาจต้องยืดไปถึงเดือนกันยายนปีหน้า ซึ่งกำหนดว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้น ดังนั้นการทำงานของรัฐบาลจึงถูกคาดหวังสูงจากภาคธุรกิจที่ต้องการให้มีการลดดอกเบี้ยเพื่อทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงสนับสนุนการส่งออกให้มากขึ้น หลังจากที่การส่งออกของไทยในเดือนเมษายนที่ติดลบ 1.7%ก็เป็นการลดลงติดกันเป็นเดือนที่ 5 ส่งผลให้ 4 เดือนแรกมีการส่งออกลดลงโดยเฉลี่ย 3% ถึงแม้ว่ากระทรวงพาณิชย์จะคาดเป้าส่งออกในปีนี้จะเป็นบวก 1.2% แต่ภาคส่งออกทางเรือเชื่อว่าการส่งออกในปีนี้จะติดลบ 2% เพราะถ้าจะทำให้เป็นบวกต้องออกแรงอีกมาก เพราะการจะทำให้ส่งออกในไตรมาสสองเป็น 0% และต้องผลักดันให้ไตรมาสสามและไตรมาสสี่ พลิกเป็นบวกให้ได้ 2-3%

แม้ขณะที่ธปท.ลดดอกเบี้ยนโยบายถึง 2 ครั้งลงมา 0.5% มีส่วนให้เงินบาทอ่อนค่าลงซึ่งสามารถช่วยผู้ส่งออกได้บ้าง โดยที่การส่งออกในเทอมดอลลาร์เดือนเมษายนลดลง 1.7% แต่ในเทอมของบาทกลับลดลงเพียง 0.5% ดังนั้นหากต้องการให้ส่งออกไทยพลิกกลับมาเป็นบวกก็ต้องลดดอกเบี้ยลงอีกเพื่อให้เงินบาทอ่อนลง ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้เกิดเป็นปมความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันระหว่างรองนายกรัฐมนตรี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ต้องการเห็นเงินบาทที่อ่อนตัวลงอีกด้วยการดอกเบี้ยนโยบาย โดยที่การส่งออกจะมีการกำหนดราคาซื้อขายล่วงหน้า 3-4 เดือน ซึ่งการอ่อนค่าเงินในช่วงนี้ก็จะทำให้การส่งออกในไตรมาส 3 ปรับตัวดีขึ้นชัดเจน แต่ผู้ว่าการ ธปท.กลับมองว่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมีส่วนช่วยให้ผู้ส่งออกมีรายได้ที่เป็นเงินบาทมากขึ้น

การที่ส่งออกจะขยายตัวได้มากหรือน้อยยังขึ้นกับกำลังซื้อของประเทศคู่ค้าเป็นหลัก ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนมีไม่มากนัก เพราะโครงสร้างของการส่งออกมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างสหรัฐก็ลดการนำเข้า และเงินบาทที่อ่อนค่าลงก็ไม่ได้เข้าไปสู่วงจรของการทำสงครามค่าเงินเหมือนกับหลายประเทศ นอกจากนี้การแข่งขันกันลดค่าเงินอาจจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากปัญหาวิกฤติกรีซยังไม่จบ โดยเฉพาะธนาคารกลางยุโรปยังคงอัดฉีดเงินคิวเพื่อลดค่าเงินยูโรต่อไปแล้ว ในที่สุดความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้าย และกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่มีความแน่นอน