ทำไมเขากินข้าวมากขึ้น แต่กินข้าวไทยน้อยลง?

ทำไมเขากินข้าวมากขึ้น แต่กินข้าวไทยน้อยลง?

คนสิงคโปร์กินข้าวมากขึ้น แต่กินข้าวไทยน้อยลง นี่คือข่าวที่เราควรจะวิเคราะห์เพื่อให้เข้าใจ สถานภาพของข้าวไทยในต่างประเทศ

หนังสือพิมพ์ Straits Times ของสิงคโปร์บอกว่า การสำรวจล่าสุดพบว่าคนสิงคโปร์เปิบข้าวมากขึ้น แต่เป็นข้าวจากมาเลเซีย กัมพูชา และปากีสถาน ที่มีปริมาณของการบริโภคมากขึ้น

หน่วยงานรัฐวิสาหกิจของสิงคโปร์ที่กำกับดูแลเศรษฐกิจนอกประเทศ คือ Interprise Enterprise Singapore รายงานว่าเมื่อปี 2011 การนำเข้าข้าวทั้งหมดอยู่ที่ 361,930 ตัน และจากนั้นปริมาณข้าวที่นำเข้าก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเมื่อปีที่แล้วขึ้นไปอยู่ที่ 498,633 ตัน

เท่ากับเพิ่มขึ้น 38%

ทำไมคนสิงคโปร์กินข้าวมากขึ้น? คนนำเข้าข้าวของประเทศนั้นวิเคราะห์ว่า เพราะคนที่นั่นมีความตระหนักเรื่องสุขภาพมากขึ้น

เพราะเขามองว่าอาหาร กินด่วน ทั้งหลายสร้างปัญหาสุขภาพ แต่ถ้ากินข้าวหรือก๋วยเตี๋ยวหรือเส้นหมี่ขาว จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพได้ดีกว่า

ขณะเดียวกันคนที่มาจากประเทศที่กินข้าวเป็นประจำ เช่น อินเดีย และจีน ที่เข้ามาพำนักในสิงคโปร์ก็มีส่วนทำให้การบริโภคข้าว ของเกาะแห่งนี้สูงขึ้นเป็นเงาตามตัวไปด้วย

อีกทั้งเพราะมีข้าวประเภทต่าง ๆ ให้เลือกมากขึ้น การบริโภคข้าวจึงกลายเป็นกิจวัตรปกติ

คนที่นั่นกินข้าวมากขึ้นควรจะเป็นข่าวดีสำหรับคนไทย ที่ส่งข้าวออกไปขายมากที่สุดในโลก แต่ข้อมูลใหม่ที่ทำให้ผมต้องมาเล่าขานให้ฟังเพื่อเตือนสติเราคือ แหล่งที่มาของข้าวสำหรับคนสิงคโปร์เปลี่ยนไปจากเดิมมาก

ปี 2013 อินเดียแซงไทยเป็นครั้งแรกในฐานะเป็นประเทศที่ขายข้าวให้สิงคโปร์มากที่สุด แม้ว่าไทยเราจะครองความเป็นพระเอกหมายเลขหนึ่งเรื่องนี้มาตลอด และคนที่นั่นก็รู้จักข้าวหอมมะลิเป็นอย่างดี ถือว่าเป็นข้าวดีเยี่ยมสุดยอด

แต่แนวโน้มเริ่มเปลี่ยน ปีที่แล้ว 37.4% ของข้าวที่สิงคโปร์สั่งเข้าทั้งหมดมาจากอินเดีย

ที่มาจากเมืองไทยอยู่ที่ 32.3%

เวียดนามมาเป็นอันดับสามที่ 22.6%

นอกจากนั้น ประเทศที่ส่งข้าวไปสิงคโปร์ก็มีมาเลเซีย กัมพูชา พม่า และปากีสถาน

รวมกันแล้ว สิงคโปร์อาจสั่งข้าวจาก 4 ประเทศนี้รวมกันไม่เกิน 5% ของทั้งหมด แต่อัตราโตพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนต้องตั้งข้อสังเกตให้ละเอียดรอบด้าน

สถิติของเขาบอกว่าความต้องการข้าวจากมาเลเซียและกัมพูชากระโดดขึ้นไป 11 เท่า และ 9 เท่าตามลำดับ ขณะที่ข้าวจากปากีสถานเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว

อะไรคือเหตุผลของแนวโน้มเช่นนี้?

ผู้สั่งเข้าข้าวของสิงคโปร์บอกว่า ประเทศต่าง ๆ เหล่านี้สามารถปรับปรุงคุณภาพข้าวของตนเองไม่ว่าจะเป็นการสีข้าวเหลือหรือการดูแลรักษาดีขึ้นตามลำดับ

และแน่นอนว่าเรื่องของราคาเป็นปัจจัยสำคัญ

ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเครือ FairPrice ข้าวหอมมะลิจากเวียดนามถุงละ 10 กิโลกรัมราคาตั้งที่ 15.50 เหรียญสิงคโปร์ (ประมาณ 392 บาท)

ขณะที่ข้าวหอมมะลิและข้าวขาวจากไทยน้ำหนักเท่ากัน ตั้งราคาที่ 18.60 เหรียญสิงคโปร์ (ประมาณ 470 บาท)

แต่ก่อนนี้เครือซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ขายข้าวจากเมืองไทย 95% แต่วันนี้ลดลงเหลือ 70% เพราะคู่แข่งของไทยมาเบียดแย่งตลาดไปเรื่อย ๆ

คนที่นั่นบอกว่าภัตตาคารส่วนใหญ่ที่นั่น หันมาใช้ข้าวขาวจากเวียดนาม หรือเขมร หรืออินเดียแทนข้าวไทย เพราะทำให้ต้นทุนต่ำกว่า

นายแอนครู ตัน ประธานสมาคมผู้สั่งข้าวเข้าสิงคโปร์บอกว่า ความเปลี่ยนแปลงการบริโภคข้าวในสิงคโปร์เริ่มหันเหออกจากข้าวไทยในปี 2011 อันเป็นปีที่รัฐบาลไทยเริ่มโครงการจำนำข้าว ทำให้ข้าวไทยออกมาต่างประเทศน้อยลง เพราะรัฐบาลไทยซื้อข้าวสูงกว่าราคาตลาด ผลที่ตามมาก็คือข้าวไทยออกนอกประเทศน้อยลง และราคาแพงขึ้น

และนี่คือตัวอย่างของตลาดข้าวไทยที่เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางติดลบ ที่ควรจะกระตุ้นให้รัฐบาลและเอกชนไทยต้องลุกขึ้นมา ปรับกลยุทธ์ด้านการส่งออกอย่างเอาจริงเอาจัง เพื่อทวงตำแหน่งแชมป์ข้าวไทยคืนในทุกตลาดทุกมุมโลก

เพราะข้าวคือสินค้าไม่กี่อย่างที่เรายังสามารถรักษาความเป็นเบอร์หนึ่งของโลกได้