จีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ : สามหนุ่มสามมุม

จีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ : สามหนุ่มสามมุม

ดูรูปนี้แล้วก็ทำให้อุ่นใจขึ้นระดับหนึ่งว่า จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่ทะเลาะวิวาทกันเรื่องข้อพิพาททางทะเล

 และยังฝังแค้นจากประวัติศาสตร์น่าจะมีเวทีแลกเปลี่ยน เพื่อหาทางผ่อนคลายความตึงเครียดของภูมิภาคนี้

เพราะหากสามยักษ์ของเอเชียยังจ้องตากันอย่างเคียดแค้น สันติภาพในภูมิภาคก็เกิดไม่ได้ และผลกระทบต่อความสงบสุขของประเทศในแถบนี้รวมถึงประเทศไทยก็จะมีต่อเนื่อง

  จากขวารัฐมนตรีต่างประเทศจีน หวัง อี้, รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ยุนบยุงเซ และรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นฟูมิโอ คิชิดะ จับมือประชุมสามฝ่ายที่กรุงโซลเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ถือเป็นการพบปะกันครั้งที่ 7 ของรัฐมนตรีต่างประเทศสามฝ่าย

ทั้งสามคนเจอกันแล้วออกแถลงการณ์ร่วมบอกว่าจะจัดให้มีการประชุมสุดยอดของผู้นำทั้งสามชาติ “ภายในเวลาที่เร็วที่สุดที่จะสะดวกสำหรับทุกฝ่าย”

อ่านระหว่างบรรทัดก็แปลว่ายังไม่สามารถตกลงวันเวลาที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง, นายกฯชินโซะ อาเบะ และประธานาธิบดีปาร์คคุนเฮ จะนัดหมายมาพบปะกันอย่างเป็นทางการ

ผู้นำทั้งสามชาติไม่ได้เจอกันมาอย่างน้อย 3 ปีแล้ว เพราะบรรยากาศทางการเมืองไม่เอื้ออำนวย อีกทั้งสถานการณ์ก็ดูเหมือนจะย่ำแย่ลงแทนที่จะกระเตื้องขึ้น เพราะข้อพิพาทเรื่องหมู่เกาะระหว่างจีนกับญี่ปุ่น และระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ และระหว่างจีนกับเกาหลีใต้

เป็นความสัมพันธ์ที่พัวพันกันยุ่งเหยิงในประวัติศาสตร์อันยาวนาน ญี่ปุ่นรุกรานจีนและปกครองเกาหลียาวนานกว่า 35 ปี ทุกวันนี้จีนและเกาหลีใต้ก็ยังเรียกร้องให้ญี่ปุ่นขอขมา ในสิ่งเลวร้ายที่เคยกระทำต่อประชาชนของสองประเทศ คนญี่ปุ่นเองก็แตกความคิดเป็นสองฝ่าย ว่าควรจะต้องขอโทษอย่างเป็นทางการมากน้อยเพียงใด เพราะคนญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งยังเชื่อว่าข้อกล่าวหาของจีนและเกาหลีใต้ เกี่ยวกับเรื่องในอดีตเกินเลยความเป็นจริง และญี่ปุ่นไม่จำเป็นต้องขอขมาครั้งแล้วครั้งเล่า

จีนกับญี่ปุ่นทำสงครามกันในอดีต กรณีสังหารหมู่ที่นานกิง ทหารญี่ปุ่นฆ่าคนจีนเป็นแสน ยังเป็นประเด็นร้อนแรงถึงวันนี้ ขณะที่ข้อพิพาทเรื่องหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออกญี่ปุ่นเรียก เซนกากุ และจีนเรียก เตี๊ยวหยู ก็ยังเป็นหัวข้อถกกันต่อเนื่อง ไม่อาจหาข้อยุติได้

ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับเกาหลีใต้ ก็มีเรื่องระหองระแหงกันมายาวนานในอดีต โดยเฉพาะรอยแผลของสงครามเกาหลีระหว่าง 1950-53 ที่จีนอยู่ข้างเกาหลีเหนือและสหรัฐหนุนหลังเกาหลีใต้ ก็ยังมีปรากฏให้เห็นอยู่ แม้ในช่วงหลังสองประเทศนี้จะพยายามกลบรอยร้าวในอดีต แต่ก็ยังมีเรื่องบาดหมางกันเป็นระยะ ๆ อยู่

ความจริง ทั้งสามชาติที่รวมเรียกว่า เอเชียตะวันออก มีความพัวพันด้านเศรษฐกิจกันค่อนข้างจะเหนียวแน่น เพราะต่างก็ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน ทั้งญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ต่างก็มีประเด็นกับจีนอยู่เกือบจะตลอดเวลา

อีกด้านหนึ่ง ทั้งสามชาติก็เป็น คู่สนทนา หรือ dialogue partners กับอาเซียนที่ไทยเป็นสมาชิกคนสำคัญ จึงควรจะหาหนทางสร้างสันติภาพเพื่อจะได้ทำให้ความร่วมมือสร้างสันติภาพและความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจกับอาเซียนเดินหน้าไปอย่างราบรื่นและประสบผลสำเร็จมากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

หรืออาเซียนจะเล่นบทเป็น กาวใจของสามยักษ์เศรษฐกิจเอเชียได้?

เสียดายว่าประเทศไทยเราในจังหวะนี้อ่อนแอเกินกว่าที่จะสวมบทเป็น คนกลาง ในเวทีระหว่างประเทศได้ หากเป็นในอดีตที่เราเคยมีความน่าเชื่อถือในเวทีสากล ไม่แน่ กรุงเทพฯ อาจจะเป็นสถานที่นัดพบปะเจรจาลับเพื่อสานสัมพันธ์อย่างที่เคยทำให้กับหลายคู่กรณีก่อนหน้านี้

วันนี้ เรายังคงสถานะเป็นคนไข้ที่ออกจากห้องไอซียู แต่ยังไม่ฟื้นเป็นปกติ จึงเล่นบทอะไรในแวดวงการทูตระหว่างประเทศไม่ได้เลยแม้แต่น้อย