“3 ไม่”

“3 ไม่”

ท่านนายกฯ “ลุงตู่” อย่าเพิ่งตกใจ ว่าจะมีเสียงค้าน โต้กลับอะไร เชียวนะคะ นี่เป็นการจั่วหัว ปฏิเสธ

สิ่งจะเป็นผลดีกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี หรือ หลักธรรมาภิบาล เป็นการยกระดับตลาดหุ้นไทย ให้นักลงทุนสบายใจ ไม่ถูกหักหลัง ฉ้อฉล โกงซึ่งหน้า ด้วยช่องรูเล็กของกฎหมาย และดาหน้ากันออกมาว่า “ไม่ผิดกฎหมาย” แต่ในทางธรรมาภิบาลล่ะ… เคยถามตัวเองไหม….


มีหลายเรื่องราวที่สะสมกันมาหลายปี เกิดขึ้นกับเมืองไทย วันนี้จึงเหมือนอาการ “น้ำลด ตอผุด” ต้องมีการปฏิรูป ฉีดยาแรงกันแบบสามร้อยหกสิบองศา เจ็บปวด แต่ต้องทำบนความเข้าใจที่จะต้องสร้างชาติที่สะอาด ไว้ให้คนอีกรุ่น เราจะมัวชี้ว่า ประเทศโน้นดีอย่างโน้น อย่างนี้ อยากได้ อยากเป็นอย่างเขาบ้าง แต่ไม่เคยทำอะไรที่ควรจะทำให้บ้านเมือง มองแต่ประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง แล้วเมื่อไหร่กันล่ะ เคยถามตัวเองไหม….


ฤดูกาล “AGM 2558” เดินทางมาถึงแล้ว บรรยากาศจะเข้มข้นขึ้น ตามตัวเลขสัดส่วนของผู้ลงทุนรายบุคคลที่มีแนวโน้มมากขึ้น ตามรายงานของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คือ มีสัดส่วนเฉลี่ยราว 60-65% ของมูลค่าการซื้อขายประจำวัน และมีรายงานการสำรวจจากธนาคารแห่งประเทศไทยที่น่าสนใจ อีกเรื่องว่า คนไทยมีความรู้เรื่องการเงินพื้นฐานในระดับปานกลาง ถึงค่อนข้างต่ำ ราว 70% หมายความว่า คนไทย 100 คน มีเพียง 30 คน ที่พอจะมีความรู้ทางการเงินมากกว่าระดับปานกลางขึ้นไป น่าห่วงคน อีก 70 คน ไหมล่ะคะ


นั่นแหละ จึงเป็นภาพรวมว่า สมควรที่จะมีองค์กรขึ้นมาช่วยเป็นปากเสียง ทำงานแทนคนเล็กคนน้อยที่พอจะมีเงินเก็บ อดออม และอาจเป็นเงินก้อนสุดท้ายของชีวิต เก็บกำจากน้ำพักน้ำแรงหวังมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยหวังให้มีเพิ่มแต่พบอีกว่ามีเพียงไม่ถึงร้อยละหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ แล้วอีกเก้าสิบเก้าคนล่ะ กลายเป็นผู้สูญเสีย ประดุจแมลงเม่าปีกอ่อน หลอมละลายในกองไฟหลากสี ที่มีบางกลุ่มจุดล่อไว้ ใช่หรือไหม…..


จึงเป็นเหตุที่มาของการของการมอบให้องค์กรบางแห่งทำหน้าที่นี้ ให้กับผู้ลงทุนในตลาดทุนไทย หน่วยงานกำกับดูแล อย่าง ก.ล.ต. จึงแต่งตั้งให้ “สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย” ทำหน้าที่เป็นองค์กรตัวแทนผู้ถือหุ้นรายย่อย ซึ่งต่อมาขอเรียกใหม่ให้เป็นเกียรติ เป็นศักดิ์ศรี คือเรียกว่า “ผู้ลงทุนรายบุคคล”


คำว่า “ผู้ลงทุนไทย” ตีความกว้างขวาง เพราะคือ การลงทุนในทุกประเภททั้งตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ ตลาดทองคำ ตลาดซื้อขายล่วงหน้า จึงเป็นทางเลือกที่มีขอบฟ้า ขยายตัวได้ไม่จำกัดทิศทาง


ความนิยมการลงทุนของผู้ลงทุนรายบุคคลจะมีสัดส่วนมากสุดในตลาดหุ้นไทย เพราะมีจำนวนมากขึ้นเป็นลำดับ สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยจึงมีบทบาทในการทำหน้าที่นี้มากขึ้นเป็นเงาตามตัว จากการขยายตัวของทั้งปริมาณของบริษัทจดทะเบียนและจำนวนผู้ลงทุนที่มากขึ้น


ความซับซ้อนของการทำธุรกิจและยุคการเงินเสรี ทำให้มีเรื่องใหม่เกิดขึ้นมากมาย จนกฎหมายอาจจะเดินตามไม่ทัน “กฎหมาย” เป็นข้อกำหนดโดยกรอบกว้างที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ทุกหนทางย่อมมีทางลัด มีหมายเหตุ มีข้อยกเว้น หรือจุดที่ข้อกฎหมายเอื้อมมือ ครอบคลุมไปไม่ถึง หรือมิได้กำหนดไว้ แต่เป็น “จริยธรรม” ที่สูงกว่าข้อกฎหมาย จึงเรียกกันโดยกว้างขวางว่าการมี “ธรรมาภิบาล” ที่ดี


เป็นเรื่องดีที่บัดนี้ การทำงานขับเคลื่อนภาพรวมของประเทศมีการเปิดโต๊ะคุยกัน ระหว่างหลายองค์กร กลายเป็นเครือข่ายภาคี ที่สามารถทะลุข้อมูลกันได้อย่างฉมัง เปิดไฟสว่างให้การกระทำอันไม่สมควรถูกเปิดเผย 8 องค์กรที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนไทย จึงผนึกกำลังกันในฤดูกาล AGM 2558 ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย, สมาคมบริษัทจัดการลงทุน, สภาวิชาชีพบัญชีในพระราชูปถัมภ์ฯ, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ, สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย และสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย


ในฐานะองค์กรตัวแทนผู้ถือหุ้นรายบุคคล จึงมีแนวทางการลงมติในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ในฤดูกาล AGM 2558 ไว้ 3 เรื่อง ที่จะ “ลงมติไม่เห็นชอบ” คือ


1. “วาระจร” เหตุผล : เป็นการให้ข้อมูลกับผู้ถือหุ้นโดยไม่เท่าเทียมกัน


2. การเลือกตั้ง “กรรมการอิสระ” ที่มีวาระเกินกว่า 3 วาระ (วาระละ 3 ปี) เหตุผล : อาจมีประเด็น เรื่องของความมีอิสระ
ทั้งนี้ สมาคมฯ ไม่ขัดข้องหาก กรรมการท่านนั้นๆ จะยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการ อยู่อีกต่อไป แต่ควรเป็นการดำรงตำแหน่งอื่น ที่มิใช่ “กรรมการอิสระ”


และจากข้อมูลของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย พบว่า มีผู้ทรงคุณวุฒิที่ผ่านหลักสูตร Director Certification Program แล้ว จำนวน 5,200 คน จึงน่าจะเป็นช่องทางในการคัดเลือก ท่านเหล่านี้มาช่วยงานบริษัทจดทะเบียนได้


3. การมี “เงื่อนไข ของผู้สอบบัญชี” เหตุผล : อาจมีความไม่กระจ่างเรื่องของผลการดำเนินงาน


ขณะนี้ พี่น้องอาสาพิทักษ์สิทธิผู้ถือหุ้น สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย กำลังลงปฏิบัติงานภาคสนามกันอย่างเข้มแข็ง และเคร่งครัด ต่อ มติ “3 ไม่” ข้างต้น พวกเขาเป็น “มดงาน” ที่มีภารกิจในการประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญประจำปี 2558 มากกว่า 600 แห่ง ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ต่อการประเมินระดับธรรมาภิบาลของประเทศไทย


การแสดงแนวทางที่ชัดเจน ประกาศให้ทราบกันไปแล้วนั้น จะช่วยให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มีความสบายใจที่จะแสดงตน ให้เป็นที่ประจักษ์ โดยยึดประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง หากมีผู้ใดแปรเจตนารมณ์ไปเป็นอื่น ย่อมแสดงว่าเห็นประโยชน์ “ส่วนตน” เป็นสำคัญ แล้วจะพัฒนาบ้านเมืองให้ทัดเทียมบ้านอื่น เมืองอื่นได้อย่างไรกัน หนึ่งนิ้วที่ชี้ออกไป ยังมีอีกสี่นิ้วที่ชี้กลับเข้าไปยังตัวท่าน มาช่วยกันทำบ้านเมืองให้สะอาด ให้ลูกหลานได้ชื่นชมบรรพบุรุษของเขาในวันพรุ่งนี้กันเถอะค่ะ