โรงเรียนชีวิต รู้จริง ทำจริง เป็นจริง
“โรงเรียนชาวนาของพ่อ” เป็นโรงเรียนส่วนตัวของแต่ละครอบครัว เป็นโรงเรียนที่สร้างเอง
หาทุนด้วยความมุมานะ เก็บเงิน เก็บทองเพื่อซื้อพื้นที่เพื่อทำมาหากินเลี้ยงลูก และคนในครอบครัว ขายผลผลิตสร้างรายได้มาจุนเจือครอบครัว
“ใครๆ ก็เรียนได้” ไม่เลือกเพศ เลือกวัย เด็ก ผู้ใหญ่ ชาย หญิง ทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าเรียนได้ในโรงเรียนแห่งนี้พร้อมๆ กันได้เลยไม่ต้องแยกเป็นชั้นเรียนเหมือนโรงเรียนในระบบที่ทางกระทรวงศึกษาจัดการเรียนการสอนในปัจจุบัน สร้างความรักความผูกพัน ระหว่างคนในครอบครัว เป็นห้องเรียนธรรมชาติและกว้างที่สุด
“เรียนแบบไม่ได้เรียน” เวลาลูกหลานไปทำนากับพ่อ-แม่ก็จะได้ลงมือปฏิบัติไปพร้อมกันโดยพ่อแม่จะเป็นครูผู้สอนและมีความรู้ความชำนาญที่หลากหลายสาขา เช่นไถนา ดำนา เกี่ยวข้าว เลี้ยงควาย หาปู หาปลา ฯลฯ สารพัด เมื่อทำไปเป็นวิถีชีวิตจึงทำให้ลูกๆ หลานๆ ที่ไปทำนาเกิดทักษะและมีความรู้ความชำนาญทำนาเป็นโดยปริยาย
“กินพืชสมุนไพรเป็นหลัก กินผักเพื่อชีวิต”
พืชผักสวนครัวที่ปลูกในสวนที่บ้านหรือที่ทำงาน แปลงเกษตรปลูกขายเป็นอาชีพ ล้วนมีประโยชน์ ทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากผักมากมายหลายประการ
1. การปลูกผักเป็นการได้ออกกำลังกายไปในตัวจากการดูแลรดน้ำพรวนดิน มีความสุขสดชื่นกับบรรยากาศสวนสีเขียวของพืชผักที่ปลูก
2.การปลูกผักที่ไม่ใช้สารเคมีฆ่าแมลงและศัตรูพืชทำให้มีรสชาติอร่อยและปลอดภัยต่อสุขภาพ
3.มีพืชผักหลายชนิดที่เอาไปผลิตเป็นยาสมุนไพรรักษาโรคได้มาหมาย เป็นการลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลแผนปัจจุบันได้มากมาย
4.พืชผักที่ปลูกไว้หากมีจำนวนมากก็นำไปขายเพิ่มรายได้พิเศษให้กับครอบครัวมีเงินเก็บ หากทำเป็นอาชีพหลักก็รวยเป็นหลายล้านเช่นกัน
5.การปลูกอยู่ปลูกกินเป็นทางรอดของชีวิตในยุคปัจจุบันที่ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่อย่างคนมีอันจะกิน และปลอดภัย ทำเงินได้อย่างภูมิใจ ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
แล้วจะมัวซื้อกินทำไม หันมาปลูกเอง กินเอง ขายเอง สุขภาพดีเอง รวยเอง ไม่ดีกว่าเหรอคะ ไม่ลอง ไม่เริ่ม แล้วเมื่อไหร่จะรวยเป็นล้านล่ะคะ