ข่าวดีของโลก

ข่าวดีของโลก

เราเบื่อข่าวร้าย! ท่านผู้อ่านที่ติดตามข่าวสารบ้านเมือง คงเห็นพ้องต้องกันว่า สำหรับสื่อทั่วไป ไม่ว่าจะสื่อไทยหรือเทศ Bad news is good news

ข่าวร้าย คือ ข่าวดี เพราะ ข่าวร้ายขายได้ ยิ่งร้ายเท่าไหร่ ยิ่งโดนใจ ขายง่ายขายคล่อง

ผู้เสพข่าวทั้งหลายจึงต้องทั้งฟัง อ่าน ดู อย่างผู้มีสติ ต้องแยะแยก ไม่สติแตก จิตตกตาม

วันนี้เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ดิฉันขอเล่าข่าวดีที่ลงหน้าปกนิตยสารดัง Times ของเดือนตุลาคมนี้ เนื้อเรื่องเป็นมุมมองของอดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้บารมีที่สะสมจากการเคยเป็นหนึ่งในผู้นำสูงสุดของโลก มาใช้ทำประโยชน์กลับให้กับดาวเคระห์ดวงน้อยนี้อย่างน่าชื่นชม

ท่านประธานาธิบดี ก่อตั้ง the Clinton Global Initiative ในปี 2005 องค์กรนี้ได้รับการขนานนามว่า เป็นดั่งเช่น eBay ในเรื่องโครงการกุศล ทั้งนี้เป็นเพราะ eBay ถือเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดในโลกที่รวบรวมผู้ซื้อและผู้ขายสินค้าให้พบกันได้ the Clinton Global Initiative ก็ถือเป็นที่รวบรวมผู้ทรงพลังมหาศาลทั่วโลกทั้งจากภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกำหนดแนวทางและลงทุนในโครงการที่มุ่งแก้ปัญหาสำคัญให้กับโลก สังคม และ สาธารณชน โดยเฉพาะกลุ่มที่ด้อยน้อยด้วยโอกาส

ก่อนที่จะผ่านโหลปีแรกของศตวรรษที่21 อดีตประธานาธิบดีคลินตัน จรดปากกาเขียนบทความเรื่องมุมมอง 5 ประเด็น ที่ท่านเห็นว่ากำลังเปลี่ยนโลกของเราไปในทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง

มาสัมผัสมุมมองของผู้นำชั้นครูผู้นี้ดูค่ะ

1 มือถือ! สิ่งที่มีสถานะเป็นดั่งเช่นอวัยวะชิ้นที่ 33 ของบางคน ถือ เป็นนวัตกรรมสำคัญที่สร้างโอกาสให้ผู้ที่เอื้อมไม่ถึงซึ่งข้อมูลข่าวสารในอดีต

การที่เทคโนโลยีทั้งก้าวทั้งกระโดดโลดไปข้างหน้า รุดแบบหยุดไม่อยู่ เป็นประเด็นสำคัญที่สร้างความเปลี่ยนแปลงอลังการให้กับนานาประเทศ

แม้บ้างจะเห็นว่าผลพวงของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มีส่วนทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น ระหว่างหมู่ผู้มีอันจะกิน กับประชากรส่วนใหญ่ในโลกที่ยังต้องกระเสือกกระสนให้พ้นความยากจนข้นแค้น

กระนั้นก็ดี ในมุมมองของคลินตัน สิ่งหนึ่งซึ่งมีพลังลดความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจน คือ มือถือ ที่ทำให้คนนับพันล้านสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ใกล้เคียงกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ผลที่ตามมา คือ พลัง เพราะ ข้อมูล คือ อำนาจ อย่างแท้จริง

2 โลกสามารถรวมพลังต้านโรคร้ายอย่างได้ผลขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาล เอกชน และ องค์กรที่ไม่แสวงหากำไรทั่วโลก ประสบความสำเร็จอย่างน่าภาคภูมิใจในการร่วมกันสู้ภัยร้ายหลายประการ อาทิ โรคเอดส์ที่เป็นภัยคุกคามเผ่าพันธุ์มนุษย์ชาติ ผู้ติดเชื้อรายใหม่มีแนวโน้มลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน จากกว่า 3 ล้านคนต่อปีในปี 2001 เป็น 2.5 ล้านในปี 2011

เมื่อคนสุขภาพดีขึ้น คุณภาพชีวิตย่อมพัฒนาขึ้นเป็นเงาตามตัว

ไม่มีปัญหาใดหยุดมนุษย์ได้ ยกเว้นตัวมนุษย์เอง

3 โลกเริ่มตื่นตัวมากขึ้นด้านการอนุรักษ์พลังงาน และเทคโนโลยีสีเขียว

ประเทศอุตสาหกรรมใหญ่ที่ใช้พลังงานบานปลาย เริ่มหันมาใช้แนวทางใหม่ในการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสีเขียวของสหรัฐอเมริกา ในช่วงที่ผ่านมา เติบโต 8.3 % ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมถึงกว่า 2 เท่า

เยอรมันนี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศอุตสาหกรรมยิ่งใหญ่ในโลก ก็ไม่ยอมน้อยหน้า หันมาทุ่มผลักดันการใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ จนได้เป็นผู้ทำสถิติโลก โดยพลังงานที่ได้จากแสงอาทิตย์ต่อวัน เทียบเท่ากับพลังที่ได้จากโรงงานผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ ถึง 20 โรงงาน

4 ผู้หญิง มีสิทธิ มีเสียง มีพลังมากขึ้น

ในมุมมองของอดีตประธานาธิบดีคลินตัน โลกใบนี้จะก้าวไปอีกได้ไกล หากเปิดโอกาสให้สตรีใช้พลังอย่างเต็มที่มากขึ้น เพราะศักยภาพของโลกครึ่งหนึ่ง อยู่ในมือสตรี ไม่มีข้อสงสัย

เรื่องความเก่งกาจของสตรี และโอกาสที่สังคมเปิดให้ พี่ไทยไม่เคยแพ้ใคร ไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน

5 การต่อสู้เพื่ออนาคต ได้หยั่งรากฝากผลพวงให้เห็นเป็นประจักษ์ อาทิ การต่อสู้และชัยชนะของมวลชนในตะวันออกกลาง ที่ต่างเคยคิดว่า การกดขี่ข่มเหงของผู้ครองอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด น่าจะปราศจากศัตรูที่คู่เคียง

ด้วยพลังของคนและเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทำให้โลกเล็กลงถนัดใจ สิ่งที่ไม่เคยเป็นไปได้ ก็กลายเป็นจริง แม้สังคมคงยังต้องเดินอีกยาวไกล เพื่อไปสู่เส้นชัยของความเป็นธรรมและความปรองดอง แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อดีตประธานาธิบดีเห็นว่า เรามาถูกทาง

สรุปว่า แม้โลกใบจ้อยจะป่วยบ่อย แต่อย่างน้อยก็ยังมีแนวโน้มดีๆให้เห็น เป็นกำลังใจให้ชุ่มชื่น

ก่อนตื่นมาฟังข่าวร้าย ข่าวป้ายสี ข่าวตีกันต่อไปค่ะ