“ทุกคนมีความเศร้าของตัวเอง”: เซียร์ซา โรแนน

“ทุกคนมีความเศร้าของตัวเอง”: เซียร์ซา โรแนน

Lady Bird เป็นหนังที่ตัวละครเอกไม่ใช่ฮีโร่ ไม่ใช่คนเก่งที่เป็นโรลโมเดลให้ใครต่อไป แต่เป็นเพียงเด็กหญิงมัธยมธรรมดา ๆ ที่ออกจะเห็นแก่ตัวซะด้วยซ้ำ แล้วอะไรทำให้หนังเรื่องนี้ได้เข้าชิงรางวัลจากสถาบันต่าง ๆ มากมาย ไปหาคำตอบกัน

Lady Bird เป็นหนังส่วนตัว ไม่เพียงแต่กับผู้กำกับ เกรต้า เกอร์วิก ไม่เพียงแต่กับนักแสดงนำของเรื่องอย่าง เซียร์ซา โรแนน แต่มันเป็นหนังส่วนตัวของทุกคนที่อาจจะอยากกล่าวอ้างในอารมณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านั้น

ใครก็ตามที่อาจอยากพลิกผ่านความทรงจำมากมายได้ง่ายเหมือนสไลด์นิ้วพลิกดูอัลบั้มรูปถ่ายในมือถือ เพราะต้องการข้ามผ่านความทรงจำของตัวเอง ทั้งวัยเยาว์ ปัญหาต่างๆ การบอกลา และการตามหาตำแหน่งแห่งหนของตัวเองในจักรวาลนี้

เซียร์ซา โรแนน บอกว่า “ทุกคนต้องรับมือกับเรื่องของตัวเอง ทุกคนต่างมีปัญหา ทุกคนต่างมีความเศร้า”

lady-bird-a2fcf8bd7a3c4837

 

หนังเรื่องนี้พูดถึง คริสทีน ‘เลดี้เบิร์ด’ แม็คเฟอร์สัน (รับบทโดย โรแนน) ที่รู้สึกผิดหวังกับสิ่งรอบตัว เธอกระตือรือร้นที่จะหนีเข้าไปในที่หลบภัยทางปัญญาที่เธอจินตนาการว่ามีอยู่ในเรื่องราวต่างๆ ของวิทยาลัยอีสต์โคสต์ ("วัฒนธรรมอยู่ที่ไหน" เธอเถียง) โดยที่เมินเฉยต่อการดิ้นรนทางการเงินของพ่อแม่

Lady Bird อาจไม่เหมือนชีวิตของคุณ วัยเด็กของคุณ แต่ เกอร์วิก ก็ยังทำให้เรื่องราวครอบคลุมถึงเหตุการณ์ทางอารมณ์ในช่วงปลายของการเป็นวัยรุ่น ที่ไม่ได้ช่วยชี้ทางออกอะไรให้หรอก แต่ทำให้รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับเหตุการณ์เหล่านั้น การหวนรำลึกถึงความหลังเป็นความรู้สึกดั้งเดิมที่ใครต่างก็มี ความรักใคร่ ความทรงจำแสนหวานที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ในช่วงเวลาเหล่านั้น เราอยากมีสติปัญญาเป็นสมบัติ เราต่างเสียใจกับการตัดสินใจที่ทำไปโดยไร้ประสบการณ์

สำหรับ โรแนน ความเจ็บปวดในการบอกลากระทบใจเธอมากที่สุด “ทุกคนในรถไม่รู้ว่าจะพูดอะไร แค่นั่งอยู่ตรงนั้นแล้วคุยกันเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เพราะทุกคนในรถต่างกลัวที่จะเริ่มพูดคำลา การบอกลาเป็นสิ่งที่ฉันเข้าใจได้ดีเลยล่ะ”

lady-bird

 

เป็นช่วงเวลาเล็กๆ แต่ Lady Bird ก็เกี่ยวกับช่วงเวลาเล็กๆ มากมาย ในฉากเปิด เลดี้เบิร์ด บ่นว่า เธอต้องการ “ก้าวผ่านบางอย่าง” เราหลงอยู่ในแนวคิดที่ว่า ชีวิตของเราต่างถูกสร้างขึ้นจากช่วงเวลาอันโด่งดังในโลก แต่ในหนังเรื่องนี้ แนวทางที่มันได้รับ แนวทางที่มันถูกพูดถึง พิสูจน์ให้ตัวละครหลักของเรื่องได้เห็นว่าตัวเองนั้นผิด ช่วงเวลาที่เงียบเชียบที่สุดต่างหากที่สร้างตัวตนอย่างที่เราเป็นในทุกวันนี้

ความอึดอัดใจของ เลดี้เบิร์ด อาจมาจากการอยู่ในสภาพแวดล้อมรอบตัวที่คอยสร้างและตีกรอบเธอ

“คุณใช้เวลาไปกับการวิ่งหนีสิ่งที่คุณคุ้นเคย และคุณกำลังวิ่งหนีตัวเองเพราะคิดว่านั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการค้นพบตัวตน ฉันว่า บ้าน เป็นการเปรียบเทียบที่ดีที่สุด มันเป็นสถานที่ที่คุณเติบโต เราใช้เวลามากมายที่นั่น พวกเราส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้น เราต่างอยากหนีออกมาเพราะสถานที่แห่งนั้นเป็นตัวแทนของความเป็นเด็ก ความปลอดภัย และพ่อแม่ของคุณ คุณอยากจากมันมาเพื่อกลับไปในรูปลักษณ์และมุมมองที่ใหม่กว่าเดิม”

นอกเหนือจากนี้ การที่ เลดี้เบิร์ด ตามหาตัวตนของเธอ เหมือนกับวัยเด็กของ โรแนน นักแสดงมืออาชีพตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ที่กำลังค้นหาความสำคัญในอาชีพของเธอ อะไรคือการแสดง นอกเหนือไปจากโอกาสของการหลีกหนีตัวเองไปชั่วขณะ เลดี้เบิร์ดค้นพบอะไรบางอย่างในตัวเองในแต่ละครั้งที่ออกไป ส่วน โรแนน ได้พบอะไรบางอย่างจากงานของเธอ

 “ฉันรู้สึกได้เลยล่ะ เพราะฉันโตมาแบบนี้ การได้แสดงเป็นตัวละครมากมายทำให้ฉันเข้าใจตัวเองมากขึ้น เพราะคุณต้องรู้จักตัวตนของตัวละครนั้นอย่างลึกซึ้ง” เธออธิบาย “และไม่ว่ายังไงก็มีองค์ประกอบต่างๆ ของคุณที่ออกมา และส่วนต่างๆ ของลักษณะของคุณที่คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่ามาจากไหน และฉันคิดว่ามันเป็นแบบฝึกหัดที่ดีของการเอาใจใส่และเข้าใจ ดังนั้น … ไปทำงาน และเข้าถึงตัวละครอีกตัวหนึ่ง คนอื่นอีกคนหนึ่ง ชีวิตและแนวคิดอื่น นั่นจะทำให้คุณมองเห็นสิ่งที่ตัวเองเป็นได้ชัดเจนขึ้น”

lady-bird-1200-1200-675-675-crop-000000

 

ก็คงต้องยอมรับว่า การเดินทางของ เลดี้เบิร์ด ไม่ใช่เรื่องของคนเสียสละ เกอร์วิก ไม่อายที่จะยอมรับว่า ช่วงเวลาวัยรุ่นของเราคือช่วงเห็นแก่ตัว เป็นช่วงเวลาของการหลงตัวเอง หนังหลายเรื่องเริ่มความขัดแย้งเล็กๆ จากตรงนั้น โดยเริ่มจากการปฏิเสธตัวเอง เลดี้เบิร์ด ยังปฏิเสธคนที่พยายามกำหนดตัวเธอ ทั้งครอบครัวและเพื่อน อย่างที่ โรแนน บอกไว้อย่ากระตือรือร้นว่า ตัวละครของเธอไม่ใชฮีโร่ “เป็นแค่คนธรรมดา”

“คนๆ หนึ่งสามารถมีข้อบกพร่องได้และไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังเป็นคนพิเศษ และมีบางสิ่งที่มอบให้คนอื่นได้ และเป็นคนที่ดี เพราะทุกๆ คนต่างก็ต้องรับมือกับปัญหาของตัวเองอยู่แล้ว ทุกคนมีปัญหา ทุกคนมีความเศร้า เพียงแค่คุณมองไม่เห็นไม่ได้แปลว่ามันไม่มีจริงกับคนบางคน”

“ไม่ว่าจะเป็นข้อผิดพลาดของ เลดี้เบิร์ด หรือความปราดเปรื่องของ เกอร์วิก เราต่างต้องการต้นแบบที่สะท้อนตัวตนของเราและเป็นแรงผลักดันให้เรามองเห็นศักยภาพของตัวเอง”

 “นี่จึงเป็นเหตุผลที่มีเรื่องให้พูดถึงมากมายเกี่ยวกับงานหลากหลายชิ้นที่ออกมา เพราะมันสำคัญมากโดยเฉพาะกับวัยรุ่น ให้พวกเขาได้เห็นตัวเองจากใครบางคน แล้วคิดว่า 'โอ้ พวกเขาทำได้ ฉันก็อาจจะทำได้เหมือนกัน’ ฉันคิดว่า แม้กระทั่งตอนที่ ฮิลลารี คลินตัน ลงสมัครตำแหน่งประธานาธิบดีก็ยังทำให้เด็กหญิงหลายคนคิดว่า 'ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงทำแบบนี้มาก่อน นั่นอาจแปลว่าฉันก็คงทำได้เหมือนกัน’”

“และเวลาเห็น เกรต้า ฉันคิดว่าเธอสุดยอดไปเลย เธอดูหลงใหลกับสิ่งที่ทำ และทำได้ดีด้วย ฉันเองก็มองเห็นตัวเองทำแบบนั้นเหมือนกัน ในแบบที่ฉันไม่เคยทำมาก่อน”

นี่คือพลังที่ครอบคลุมทุกอย่างของ เลดี้เบิร์ด ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต ที่สะท้อนกลับมาหาเราด้วยความอบอุ่น … ด้วยความรัก