“รอน พูนแสงสถิต” ชายผู้เสพติดการท้าทายตัวเอง

“รอน พูนแสงสถิต” ชายผู้เสพติดการท้าทายตัวเอง

คนไทยคนแรกที่ไปวิ่งสนามมาราธอนแห่งทะเลทรายซาฮารา 6 วัน 250 กิโลเมตร จะเป็น "รอน" คนนี้ได้ เส้นทางย่อมไม่ธรรมดา เพราะเต็มไปด้วยการข้ามผ่านข้อจำกัดต่างๆ

“ผมโตที่อเมริกาครับ แล้วบ้านเราติดทะเลด้วยเลยทำให้ไม่ค่อยได้อยู่บ้านเท่าไหร่ จะออกไปเล่นกีฬา ไปเตะบอล ไปเล่นเซิร์ฟกับเพื่อนจนดึกตลอด แล้วพออายุได้ประมาณ 20 ต้องกลับมาประเทศไทย ตอนนั้นเหงามาก เพราะคนเล่นกีฬายังไม่เยอะ ขนาดฟิตเนสก็แทบไม่มีคนเข้าเลย ทำให้เวลาทำอะไรก็ต้องทำคนเดียว วิ่งคนเดียว ปั่นจักรยานคนเดียว แต่ตอนนี้ดีขึ้นเยอะมาก คนไทยออกมาเล่นกีฬากันเต็มไปหมดเลยครับ”

รอน - ปิตินนท์ พูนแสงสถิต

ครูสอนดำน้ำ นักปั่น นักวิ่ง นักไตรกีฬา และนักผจญภัย ผู้สร้างสถิติการผ่านสนามยากๆ ระดับโลก เช่น Ultra-Trail Mt. Fuji วิ่งเทรลระยะอัลตร้าที่ภูเขาไฟฟูจิ และการวิ่งระยะ 250 กิโลเมตรในทะเลทรายซาฮารา Marathon des Sables เป็นต้น รวมถึงสร้างเงื่อนไขท้าทายตัวเองมาแล้วไม่น้อย ใครที่ติดตามรอนผ่านโซเชียล มีเดีย อาจมีเขาเป็นแรงบันดาลใจอยากไปให้ถึงจุดนั้นบ้าง

18057765_10155278306873628_8366260361545236702_n

“ตอนกลับไทยใหม่ๆ ผมอยากปั่นจักรยานจากกรุงเทพไปภูเก็ต ตอนนั้นไม่มีใครสนับสนุนสักคน บอกอันตรายนะไหนจะเรื่องรถ ไหนจะเรื่องคน ไม่กลัวโดนปล้นหรอไง แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบท้าทายตัวเองเลยตัดสินใจลุยคนเดียวครับ แบบถึงไหนนอนนั่น ซึ่งสิ่งที่เราเจอคือตรงกันข้ามมาก คนต่างจังหวัดน่ารักและนิสัยดีจริงๆ พวกเขามีความบริสุทธิ์อยู่สูงมาก เหมือนกับใจแลกใจ

"จำได้ว่าเคยไปพักกินข้าวข้างทาง ร้านก็เป็นเพิงแหละครับ แล้วเราขอเข้าห้องน้ำ แต่ที่ร้านน่ะไม่มี เขาก็บอก เข้าในบ้านเลยหนุ่ม เราคิดในใจ เฮ้ย! ให้เข้าในบ้านเลยหรอ ทำไมเขาไว้ใจเราจังวะ หรือบางทีปั่นๆ อยู่ฝนตก เราไปขอหลบฝนตามบ้าน เขาก็ชวนให้นอนค้างเลย มันเป็นมิตรภาพระหว่างทางที่สวยงามมากครับ คุณลองคิดดูสิ สิ่งเหล่านี้เราหาจากกรุงเทพได้หรอ”

 รอนใช้เวลา 8 วันในการปั่นจักรยานจากกรุงเทพไปภูเก็ต และเวลายังผ่านไปได้ไม่นานนัก เขาเริ่มท้าทายตัวเองอีกครั้งด้วยการปั่นจักรยานจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ คราวนี้เขาใช้เวลา 7 วัน แต่รอนบอกว่าความจริงเขาสามารถทำเวลาให้ดีกว่านั้นได้ แต่นอกจากเรื่องเวลาแล้ว ประสบการณ์ระหว่างทางมันเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เข้ามาเติมเต็มหัวใจให้เขาได้เป็นอย่างดี

“พอทำอะไรสำเร็จอย่างหนึ่ง เราก็จะท้าทายตัวเองไปเรื่อยๆ ครับ ตอนนั้นเลยตั้งใจว่าจะลงวิ่งฟูลมาราธอน”

ตั้งเป้าหมายแล้วลงมือทำ

1 เดือน คือระยะเวลาที่รอนใช้ในการซ้อมวิ่งฟูลมาราธอนครั้งแรก โดยที่เขาไม่เคยมีประสบการณ์การวิ่งมาก่อนเลย

 “โอ้โห สนุกมากครับ จบครั้งแรกที่ 4 ชั่วโมง 50 นาที หลังจากนั้นเดินไม่ได้ไปพักนึงเลย ฮ่าๆ ช่วงนั้นเราก็วิ่งท้าทายตัวเองมาตลอดครับ จนได้เป้าหมายใหม่ว่าอยากจบไอรอนแมนภายในระยะเวลา 2 ปี ก็เริ่มลงไตรกีฬามากขึ้นเรื่อยๆ จนหกเดือนสุดท้ายที่ซ้อมหนักมาก เราต้องตื่นตี 4 มาออกกำลังกายทุกวัน แล้วสุดท้ายก็ทำได้จริงๆ ครับ ของทุกอย่างผมเชื่อว่า ต้องตั้งเป้าหมายแล้วลงมือทำถึงจะสำเร็จครับ”

0301

 หลังจากจบไอรอนแมนได้ 2 สนาม รอนเริ่มท้าทายตัวเองอีกครั้ง คราวนี้เป้าหมายใหม่ของเขาคือ การวิ่งระยะไกล หรือ “Ultra trail”

“รายการแรกคือ Ultra-Trail Mt. Fuji ครับ โหดมาก ต้องวิ่งผ่านภูเขา 10 ยอดภายในระยะเวลา 2 วัน แล้วยิ่งกว่านั้นคือฝนตกหนัก พายุเข้า เราล้มหลายรอบมาก เชื่อมั้ยว่าตลอดเกือบ 2 วันที่วิ่งผมไม่ได้นอนเลย มันเหนื่อย มันหนาว มันท้อ มันเจ็บไปหมด ผมร้องไห้ บอกกับตัวเองว่าพอแล้ว หยุดดีกว่า

20150926-125340_24819688-1-1_31-6099166_ALLDATAx1

"แต่พอเจอหน้าแฟน เขาบอกห้ามเลิกเด็ดขาด กลับไปวิ่งต่อ โอ้โห เท่านั้นแหละครับ แรงเรากลับมากลับมาเลย ซึ่งการวิ่งระยะไกล กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญมากครับ เพราะสิ่งต่างๆ มันจะเข้ามารบกวนจิตใจเราตลอด บางครั้งวิ่งๆ อยู่ผมร้องไห้ บางครั้งหัวเราะ ผมเป็นแบบนี้ตลอดครับ อีกอย่างที่สำคัญคือต้องมีเป้าหมายครับ ถ้าคุณไม่มีเป้าหมายแล้วมาวิ่งเล่นๆ คิดว่าจบก็ได้ ไม่จบก็ได้ รับรองว่าไม่มีทางจบแน่นอนครับ ส่วนเป้าหมายของผมคือทำเพื่อประเทศไทยครับ เพราะตอนนั้นเป็นปีแรกที่มีคนไทยไปแข่ง ไปกัน 8 คน จบ 2 คน เรามีความสุขมากครับ”

20150927-043428_24819688-1-1_309-2199909_ALLDATAx1

ในการวิ่งระยะไกล รอนบอกว่าการวางแผนล่วงหน้า คือสิ่งที่ต้องทำอันดับแรกๆ ถึงแม้บางครั้ง มันจะไม่เป็นไปตามแผนก็ตาม และที่สำคัญเราต้องรู้จักร่างกายตัวเองให้ดีที่สุด เช่น ทางเรียบต้องวิ่งด้วยความเร็วเท่าไหร่ หรือเวลาปีนเขาต้องไปด้วยความเร็วเท่าไหร่ จะช้าหรือเร็วไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะถ้าช้าไปก็จะไม่ทันเวลาคัทออฟ หรือถ้าเร็วไปก็ทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน เป็นต้น

เส้นทางของผู้เสพติดการท้าทายตัวเอง

“ปีที่แล้วผมเป็นคนไทยคนแรกที่ไปวิ่งในทะเลทรายซาฮาร่าครับ ของทุกอย่าง เช่น อาหาร เตา หม้อ อุปกรณ์ฉุกเฉิน ต้องแบกเองหมด

DSC_0011-01-01

"ระยะทางอยู่ที่ 250 กิโลเมตรและต้องจบภายใน 6 วันครับ ตอนนั้นมองไปทางไหนก็เจอแต่ทรายสุดลูกหูลูกตาไปหมด อะไรที่เราวางแผนว่ามันยากแน่ๆ พอวิ่งจริงกลับไม่ใช่ปัญหา ส่วนอะไรที่คิดว่าง่ายกลับยากขึ้นมาครับ

18056734_10155274461583628_5044525073618677736_n

"อย่างเราคิดว่าที่นั่นต้องร้อนมากแน่ๆ แล้วการนอนจะต้องนอนกับนักวิ่งอีก 7 คนในเต๊นท์ เราก็กลัวว่าจะมีปัญหาเรื่องกลิ่นตัว เพราะน้ำเขามีจำกัด ทำให้การอาบน้ำต้องใช้น้ำให้น้อยที่สุดครับ เราฝึกขนาดที่ว่าใช้น้ำแค่ห้าร้อยลิตรก็อาบให้สะอาดได้แล้วครับ แต่ความจริงคือที่นั่นมันร้อนมาก กลางวันสี่สิบองศา เชื่อมั้ยว่าเวลาวิ่งเหงื่อที่ออกมามันระเหยไปหมด ทำให้เสื้อผ้าแห้งตลอด และตัวเราไม่ชื้น เลยไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นครับ

G0105433

"ส่วนที่คิดว่าจะไม่เป็นปัญหาคือ เรื่องเท้าพอง เพราะปกติผมจะไม่ค่อยเป็นอยู่แล้วครับ แต่คราวนี้ด้วยความที่วิ่งในทะเลทราย มันทำให้เท้าเราพองตั้งแต่วันแรก เจ็บมาก ต้องทำแผลเองทุกวัน แต่ก็นี่แหละครับที่ทำให้ผมรักการวิ่งทางไกล เพราะมันไม่ใช่แค่วิ่ง มันเป็นเหมือนเกมที่ต้องเล่นเพื่อเอาตัวรอดให้ได้”

นอกจากจะหลงรักการท้าทายตัวเองอย่างถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่รอนทำมาตลอดระยะเวลา 18 ปีคือการดำน้ำ

SQ_MRC_4532

“มันเหมือนเราอยู่ต่างดาวเลยครับ ทุกอย่างในน้ำมันสวยงามไปหมด แล้วผมเป็นครูสอนดำน้ำด้วย ก็จะสอนนักเรียนตลอดว่าในน้ำไม่มีอะไรน่ากลัว ถ้าเราไม่ไปยุ่งหรือรบกวนมันก่อน เพราะเราต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน อย่างฉลามที่เห็นภาพในหนังว่าดุร้ายและน่ากลัว ความจริงคือถ้าเราไม่ไปยุ่งกับมัน ก็ไม่เป็นอันตรายแน่นอนครับ เพราะเราไม่ใช่เป้าหมายของมัน เชื่อมั้ยว่าคนตายเพราะฉลามแค่ 7 คนต่อปี ซึ่งส่วนมากจะไม่ใช่นักดำน้ำด้วย จะเป็นคนที่เล่นเซิร์ฟแถวออสเตรเลียซะส่วนใหญ่ และฉลามอาจจะคิดว่าเป็นแมวน้ำ เลยลองกัดดูครับ แต่รู้มั้ยว่า 70 ล้านตัวต่อปี คือจำนวนฉลามที่ตายเพราะคนนะครับ”

แล้วบทสนทนาระหว่างเราก็กำลังจะจบลง เราพบว่ารอนเป็นผู้ชายที่มีไลฟ์สไตล์แอดเวนเจอร์มากที่สุดคนหนึ่ง เขารักในการตั้งเป้าหมาย เขารักในการท้าทายตัวเอง และเขารักในการเอาชีวิตรอด

สถานีต่อไปที่รอนเล็งไว้คือการ “ปีนเขา” ทำให้เรารู้สึกได้เลยว่า การเดินทางครั้งต่อไปของเขาจะต้องท้าทายมากขึ้นอีกแน่ๆ และหากมีโอกาสคงได้กลับมาคุยกับเขาอีกแน่นอน