แมวปีศาจของ “เฉิน ข่ายเกอ”
ผู้กำกับเจ้าของรางวัลปาล์มทองคำเพียงหนึ่งเดียวของจีน "เฉิน ข่ายเกอ" กำลังจะมีหนังเรื่องใหม่ Legend of The Demon Cat มาให้ดูกัน ซึ่งเขาใช้เวลาถึง 6 ปีในการเนรมิตรนครฉางอานให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
ผู้กำกับจีนที่มีชื่อเสียงในวงการหนังระดับโลกนั้นมีอยู่หลายคน แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เคยได้รับรางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ นั่นก็คือ ผู้กำกับจีนรุ่นที่ 5 เฉิน ข่ายเกอ จากภาพยนตร์เรื่อง Farewell My Concubine ในปี 2536
เป็นที่น่ายินดีว่าในวันที่ 15 มีนาคมที่จะถึงนี้ เราจะมีโอกาสได้ดูหนังใหม่ของเฉิน ข่ายเกอ เรื่อง Legend of The Demon Cat – ตำนานอสูรล่าวิญญาณ กันในโรงภาพยนตร์ โดยหนังเรื่องนี้เป็นแนวแฟนตาซี สืบสวน ระทึกขวัญ เมื่อกวีจีน และนักบวชญี่ปุ่นต้องมาร่วมมือกันสืบปมลับ ไขความวุ่นวายในราชสำนักถังที่ร่ำลือกันว่าเป็นฝีมือของปีศาจแมวตัวหนึ่ง
ที่น่าสนใจคือ Legend of The Demon Cat ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Asian Film Awards ที่เรียกกันว่า “ออสการ์แห่งเอเชีย” ถึง 6 รางวัล แต่ถ้าดูจากกระแสตอบรับในประเทศจีน เสียงกลับแตกกันไปคนละทิศละทางโดยมีทั้งคนที่ยกย่องว่าเป็นหนังจีนยอดเยี่ยมแห่งปี กับคนที่มองว่าเป็นผลงานยอดแย่ของเฉิน ข่ายเกอไปซะงั้น
ถ้าเช่นนั้น เรามาทำความรู้จักแง่มุมต่าง ๆ ของหนังเรื่องนี้กันก่อนจะตัดสินใจไปดูกันดีกว่า
Legend of the Demon Cat ดัดแปลงมาจากนิยายของนักเขียนญี่ปุ่น “โยเนะยามะ มิเนโอะ” เรื่อง Samana Kukai แต่เนื่องจากหนังมีความยาวจำกัดก็เลยต้องยกมาแต่แกนหลักของเรื่องนั่นคือ กวีจีน “ไป่ จูอี้” กับนักบวชญี่ปุ่น “คุคาอิ” ร่วมมือกับสืบสวนหาความจริงเบื้องหลังการเสียชีวิตของ “หยาง อวี้หวน” พระสนมที่จักรพรรดิ์เสวียนจ้งแห่งราชวงศ์ถัง ทรงรักมากที่สุด
ถึงแม้ Legend of the Demon Cat จะเป็นภาพยนตร์แนวสืบสวนระทึกขวัญ แต่ภาพความงดงามอลังการของราชวงศ์ถังในยุครุ่งเรืองที่ปรากฎ กลับกลายเป็นสิ่งที่ทั้งคนดู และนักวิจารณ์ต่างชื่นชอบมากที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้มาจากเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์กราฟฟิคที่ก้าวหน้า แต่มาจากความมุ่งมั่นตั้งใจของเฉิน ข่ายเกอที่เตรียมงานสร้างหนังเรื่องนี้มากว่า 6 ปี โดยลงทุนสร้างฉากในเมือง Xiangyang มณฑลหูเป่ย เพื่อเนรมิตรนครฉางอาน เมืองหลวงของราชวงศ์ถังในยุครุ่งเรืองให้กลับมามีชีวิตขึ้นใหม่
หนังสือพิมพ์ไชนา เดลี่รายงานว่า ค่าก่อสร้างนครฉางอานจำลองเนื้อที่ 250 ไร่นี้สูงถึง 1,300 ล้านหยวน (กว่า 6,000 ล้านบาท) แต่ไม่ได้ถูกรวมเอาไว้ในงบการสร้างหนังด้วย ขณะที่เฉิน ข่ายเกอบอกว่าหนังเรื่องนี้ถ่ายกันด้วยเทคนิค green screen แค่ 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่เหลือถ่ายในฉากเมืองจำลองที่เขาเนรมิตขึ้นมานี่เอง
ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือเฉิน ข่ายเกอลงทุนปลูกต้นไม้ถึง 20,000 ต้น แล้วอดทนรอนาน 6 ปีให้มันโตเพื่อสร้างนครฉางอานในความคิดของเขาออกมา นอกจากนี้ เฉินยังปฏิเสธที่จะถ่ายหนัง 3 มิติเพราะอยากให้คนดูชื่นชมฉากอันงดงามตระการตาของจริงได้โดยไม่ต้องสวมแว่นหรือพึ่งพาเอฟเฟคท์ที่สร้างขึ้น
ทว่า ความทุ่มเทในเรื่องนี้ของเฉิน ข่ายเกอ ส่งผลดีหรือผลเสียต่อหนังกันแน่
เรื่องนี้ตอบลำบากจริง ๆ เพราะเสียงของคนที่ได้ดูแล้วแตกออกเป็น 2 ขั้ว โดยฝั่งคนที่ชื่นชอบอย่าง Han Han นักเขียนนักวิจารณ์ภาพยนตร์และผู้กำกับหน้าใหม่ของจีน, ผู้กำกับ Lu Chuan, นักเขียนรุ่นใหม่ Xia He บอกว่า Legend of the Demon Cat เป็นหนังที่มีความเป็นสัญลักษณ์สูงซึ่งตรวจสอบความจริงกับคำลวง ความรักกับความเกลียดชัง ความลวงหลอกกับความจริงใจ รวมไปถึงความดำมืดและความมีเมตตาของมนุษยชาติ
ในขณะฝ่ายที่ไม่ชอบบอกว่าหนังพยายามนำเสนอความเป็นราชวงศ์ถังมากไปเสียจนหลงลืมเรื่องพัฒนาการของตัวละคร แล้วตรรกะในเรื่องก็ประหลาด ๆ ฝีมือของนักแสดงก็ยังไม่ดีพอ โดยเฉพาะผู้รับบทสาวงามแห่งราชสำนัก “หยาง อวี้หวน” ที่รับบทโดย Sandrine Pinna ลูกครึ่งฝรั่งเศส
แต่ดูเหมือนว่าเฉิน ข่ายเกอจะไม่สนใจกับเรื่องนี้เลยเพราะเขาเคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาแล้วตอนที่หนังเรื่อง The Promise ออกฉายในปี 2548 และ Monk Comes Down the Mountain ในปี 2558 ซึ่งเฉินโดนวิจารณ์หนักถึงขนาดที่ว่าคงไม่สามารถกลับไปทำหนังดี ๆ แบบ Farewell My Concubine ได้อีกแล้ว
“ผมก็แค่คะนึงหา แล้วก็เคารพความงดงามของราชวงศ์ถังเท่านั้น” เฉิน ข่ายเกอกล่าวถึงเหตุผลในการทำหนัง Legend of the Demon Cat แล้วก็บอกว่าเขาไม่เคยคิดว่า The Promise กับ Monk Comes Down the Mountain เป็นหนังแย่ ๆ เลย
“ความรัก และความงามคือธีมในหนังทุกเรื่องของผม มันทำให้ผมรู้สึกท่วมท้นรุนแรงยากจะต่อต้าน” เฉิน ข่ายเกอบอก ก่อนจะเสริมว่าเขาชอบเชิดชูผู้หญิง และคนหนุ่มสาวในหนังของเขา เพราะทั้งคู่คือสัญลักษณ์ของความรัก และความงาม"