ทีมวิจัยร่วมรำลึก "10 ปีแผ่นดินไหวแม่ลาว" เตือนรับมือพลังรอยเลื่อนแม่ลาว

ทีมวิจัยร่วมรำลึก "10 ปีแผ่นดินไหวแม่ลาว" เตือนรับมือพลังรอยเลื่อนแม่ลาว

"ศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย" นำทีมนักวิจัยขึ้นเหนือ จัดกิจกรรมรำลึก "10 ปีแผ่นดินไหวแม่ลาว" คาดรอยเลื่อนแม่ลาวมีพลังเขย่าธรณีพิโรธ ที่สร้างความเสียหายให้กับเชียงรายและเขื่อนได้มากกว่าแม่ลาว 10 เท่า

KEY

POINTS

  • กิจกรรมรำลึก “1 ทศวรรษแผ่นดินไหวแม่ลาว” หวังร่วมกันสร้างความปลอดภัยและรับมือกับเหตุภัยพิบัติในอนาคต
  • รองพ่อเมืองเชียงราย ชี้ต้องมีวิทยาศาสตร์สมัยใหม่และนวัตกรรมที่คาดการณ์ล่วงหน้าเพื่อเตรียมรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ศ.เป็นหนึ่ง วานิชชัย คาดรอยเลื่อนมีพลังเขย่าธรณีพิโรธที่สร้างความเสียหายได้มากกว่าแม่ลาว 10 เท่า

วันที่ 5 พฤษภาคม 2567 นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงานการจัดกิจกรรม “1 ทศวรรษแผ่นดินไหวแม่ลาว” ณ บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย ซึ่งจัดโดยศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ภายใต้กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับมูลนิธิมดชนะภัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เพื่อรำลึกเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 ครบรอบ 10 ปี ซึ่งภาควิชาการได้ผนึกกำลังกับทุกภาคส่วนสำรวจการเปลี่ยนแปลงหลังเกิดภัยพิบัติและร่วมกันมองไปข้างหน้าเพื่อให้มีความปลอดภัยและพร้อมรับมือกับการเกิดแผ่นดินไหวในอนาคต

รองผู้ว่าราชการจังหวัดระบุว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติเมื่อ 10 ปีที่แล้วยังอยู่ในความทรงจำของชาวเชียงราย เพราะสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่างมาก ในปัจจุบันจังหวัดเชียงรายยังมีความเสี่ยงจากรอยเลื่อนมีพลังหลายจุดซึ่งสามารถสร้างความเสียหายแล้วแต่สถานการณ์

ในปี 2566 ที่ผ่านมามีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นในจังหวัดเชียงราย 43 ครั้ง แต่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาเกิดขึ้นถึงกว่า 2,300 ครั้ง ทำให้ต้องเฝ้าระวังตลอดเวลา

ทีมวิจัยร่วมรำลึก \"10 ปีแผ่นดินไหวแม่ลาว\" เตือนรับมือพลังรอยเลื่อนแม่ลาว

เนื่องจากแผ่นดินไหวเป็นภัยพิบัติที่ยังไม่มีเครื่องเตือนภัยที่พยากรณ์ได้อย่างแม่นยำ จึงต้องเตรียมรับมือและพัฒนาเทคโนโลยีควบคู่กับการฝึกซ้อมเผชิญเหตุอย่างต่อเนื่อง 

“เราคาดหวังว่าจะมีวิทยาศาสตร์สมัยใหม่และนวัตกรรมที่ทำให้สามารถคาดการณ์แผ่นดินไหวล่วงหน้าเพื่อเตรียมรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ การถ่ายทอดองค์ความรู้จากผู้ทรงคุณวุฒิและนักวิชาการเพื่อรองรับภัยพิบัติและเตรียมการรับมือในครั้งนี้จึงมีประโยชน์กับคนไทย

โดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายที่ได้รับประโยชน์โดยตรง โดยมีบทเรียนและนวัตกรรมเป็นกรอบแนวทางปฏิบัติของเชียงรายและประเทศไทยเพื่อลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกล่าว

ทีมวิจัยร่วมรำลึก \"10 ปีแผ่นดินไหวแม่ลาว\" เตือนรับมือพลังรอยเลื่อนแม่ลาว

ขณะที่ ศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ วช. กล่าวว่า ในอนาคตการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกและรอยเลื่อนมีพลังมีศักยภาพที่จะเกิดความเสียหายมากกว่าแผ่นดินไหวแม่ลาวได้ในอนาคต โดยอาจจะมีขนาดมากถึง 6.5-7.5

เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้ผู้เกี่ยวข้องต่างหันมาตระหนักถึงความเสี่ยง จากการถอดบทเรียนของคณะวิจัยในเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาลและอินโดนีเซียนำมาสู่การเตรียมรับมือของไทย

ข้อมูลจากการสำรวจพบว่าอาจเกิดการไถลตัวตลอดแนวรอยเลื่อนแม่ลาวที่จะสร้างความเสียหายต่อเขื่อนแม่สรวยและตัวเมืองเชียงราย ทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงมากถึง 10 เท่า ดังนั้นต้องเตรียมอาคารบ้านเรือนให้แข็งแรง 

ทั้งนี้ที่ผ่านมานักวิจัยพยายามทำแผนที่เสี่ยงภัยในระดับสากลที่เทียบได้กับนานาชาติ เตรียมอาคารบ้านเรือนให้พร้อมรับมือ ปรับปรุงกฎหมายควบคุมอาคารให้ต้านทานแผ่นดินไหว ทั้งอาคารสาธารณะ อาคารสำคัญ อาคารเก็บวัสดุอันตราย อาคารสูงทั่วไป

โดยปัจจุบันขยายผลการบังคับใช้ใน 40 จังหวัด ลดเพดานจนถึงอาคาร 3 ชั้น แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมได้ทุกอาคารและยังเกิดความเสียหายขึ้น จึงต้องพยายามบังคับใช้กับทุกอาคาร และในทางวิศวกรรมจะต้องมีมาตรการออกแบบอาคารต้านทานแผ่นดินไหวด้วย

ทีมวิจัยร่วมรำลึก \"10 ปีแผ่นดินไหวแม่ลาว\" เตือนรับมือพลังรอยเลื่อนแม่ลาว

รวมทั้งจัดอบรมให้ความรู้ความเข้าใจแก่วิศวกรให้อยู่ในหลักสูตรวิศวกรรมตั้งแต่ระดับปริญญาตรีเพราะเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับการปรับปรุงอาคารเก่าด้วยการเสริมกำลังอาคารที่มีชั้นอ่อนแอ

นักวิจัยได้ทำโครงการนำร่องในโรงเรียนต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายรวม 7 โรงเรียน ด้วยเทคนิควิธีการต่าง ๆ ซึ่งอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ สามารถเสริมกำลังให้แข็งแรงและปลอดภัยมากขึ้น โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณร้อยละ 10-20 ของอาคารสร้างใหม่ สามารถแปลงงบประมาณเสริมกำลังได้ 5-10 หลัง

จึงหวังว่าจากนี้ไปทุกคนจะให้ความสำคัญกับแผ่นดินไหวมากขึ้นเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่อาคารบ้านเรือน รวมถึงชีวิตและทรัพย์สิน

ด้าน รศ. ดร.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ ประธานมูลนิธิมดชนะภัย ให้ความเห็นว่า ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะต้องตื่นรู้ไปพร้อมกัน และสร้างความตระหนักหลังการเผชิญเหตุแผ่นดินไหวแม่ลาว สำรวจความเสียหายและเสริมกำลัง แต่ปัจจุบันขณะนี้คือ หลักสูตรของช่างหรือวิศวกรยังมีไม่เพียงพอและไม่สนใจมากนัก

ทีมวิจัยร่วมรำลึก \"10 ปีแผ่นดินไหวแม่ลาว\" เตือนรับมือพลังรอยเลื่อนแม่ลาว

จึงต้องสร้างการรับรู้ถึงความน่ากลัวของแผ่นดินไหว ทุกคนต้องเดินหน้าไปพร้อมกันเพื่อปรับตัวและพัฒนา แม้จะมีข้อจำกัดเชิงนโยบายบางด้าน ปัจจุบันโมเดลการทำงานของนักวิชาการพยายาที่จะผลักดันการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้อาคารบ้านเรือนมีความปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงจับมือกับภาคประชาสังคมรวมกลุ่มกันทำงานอย่างต่อเนื่อง

เพราะแม้แผ่นดินไหวจะไม่ใช่เหตุการณ์เร่งรีบแต่ก็หยุดเตรียมการรับมือไม่ได้ และต้องถ่ายทอดองค์ความรู้จากงานวิจัยเพื่อให้อาคารบ้านเรือนมีความแข็งแรงปลอดภัย

ช่างชุมชนต้องเข้ามาเรียนรู้ร่วมกัน จัดการอบรมให้ความรู้เรื่องการเสริมกำลังให้สร้างบ้านได้อย่างปลอดภัย ขณะเดียวกันก็ต้องขับเคลื่อนให้คนในชุมชนเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อให้ชาวบ้านช่วยเหลือตัวเองได้ ที่สำคัญคือทุกคนต้องไม่ยอมแพ้ต่อภัย แม้ภัยพิบัติจะทำให้เสียขวัญแต่ก็ต้องใจสู้ ลุกขึ้นมาดูแลตัวเอง.