สูตรรวย 'แน็คเก็ต-โคฟี่' โกยเงินหลักสิบ-ร้อยล้าน ผ่านเซเว่น อีเลฟเว่น

ร้านสะดวกซื้อ "เซเว่น อีเลฟเว่น" มีสาขาเปิดให้บริการมากกว่า 14,545 สาขาทั่วประเทศแล้ว โดยแผนธุรกิจในปี 2567 ได้ประกาศแผนเปิดสาขาใหม่รวม 700 สาขาทั่วประเทศไทย พร้อมมีนโยบายมุ่งสนับสนุนสินค้าเอสเอ็มอีไทยและนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของภาครัฐ จึงร่วมดึง 2 ซูเปอร์สตาร์ระดับโลก “แจ็คสัน หวัง” และ “เตนล์-ชิตพล ลี้พรชัยกุล” มาร่วมแคมเปญใหม่ในปีนี้กับ “เสน่ห์ความเป็นไทยใคร ๆ ก็หลงรัก” เพื่อร่วมขยายตลาดสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักทั้งลูกค้าในประเทศและสู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ

สำหรับสินค้าไทยที่เข้ามาร่วมโครงการ จะมาจาก 4 ภูมิภาค โดยแต่ละรายการต่างมีความโดดเด่น และแตกต่างกัน อาทิ แบรนด์ แน็คเก็ต (Nacket) ได้ผลิตขนมไทยยอดนิยมหลายรายการ จากวัตถุดิบขึ้นชื่อในประเทศ จนสร้างยอดขายทะยานถึงระดับ 80 ล้านบาท รวมถึง โคฟี่ (Cofe) แบรนด์น้ำตาลสด ที่เป็นสินค้าครองใจลูกค้าหลากหลายกลุ่ม

 

“พัทธนันท์ แสงสุขเกษมศักดิ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทันน่า ฟู๊ดส์ จำกัด เจ้าของอาหารทานเล่นแบรนด์ “แน็คเก็ต” (Nacket) ฉายภาพเส้นทางของแบรนด์ในช่วงที่ผ่านมา มีจุดกำเนิดจากการแบบฝากจำหน่ายตามร้านกาแฟ ร้านขายขนมต่างๆ ต่อมาได้นำเสนอสินค้าไปสู่ ทีมงานของร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จึงเป็นอีกก้าวในการขยายสินค้า และผลักดันแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ทำให้แบรนด์สามารถครองใจผู้บริโภคได้ยาวนานกว่าทศวรรษ โดยปัจจุบันมีสินค้าที่จำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น รวม 35 รายการ

แนวคิดของบริษัท มุ่งสร้างการเติบโตพร้อมกับการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น จึงเน้นสินค้าที่มีความเป็นไทย และการจ้างงานในท้องถิ่น มุ่งนำขนมที่มีชื่อเสียงในแต่ละพื้นที่แต่หาซื้อได้ยาก สู่มือผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น ผ่านการร่วมมือพาร์ทเนอร์ที่ทำสินค้าท้องถิ่นอยู่แล้วและมีศักยภาพ มาร่วมยกระดับ พร้อมพัฒนาสินค้าไปด้วยกัน

 

 

"พร้อมกันนี้ได้รับการส่งเสริมให้ใช้วัตถุดิบภายในประเทศ จึงร่วมกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนและท้องถิ่น สร้างการเติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืนให้กับระบบฐานรากเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้มีความสอดรับแนวคิดของบริษัท" 

 

• ขนมปังชีสสับปะรดโกย 4 แสนบาทต่อเดือน ทำเงินแตะ 80 ล้านบาท 

ยกตัวอย่างสินค้ายอดนิยมกับ ขนมปังชีสไส้สับปะรดที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น สามารถสร้างยอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดด จากหลักหมื่นบาทต่อเดือน สู่กว่า 4 แสนบาทต่อเดือน

ต่อมาได้มีการพัฒนาสินค้าตัวใหม่ จึงเลือกเป็นพันธมิตรกับชุมชน พร้อมพัฒนาขนมไทยอย่าง “ขนมปั้นสิบ” ที่ใช้แป้งทำขนม ผสมกับข้าวสังข์หยด ข้าวพันธุ์พื้นเมืองของ จ.พัทลุง แทนการใช้ข้าวสาลี จากคุณค่าทางโภชนาการ เช่น วิตามิน B สูงกว่า ช่วยส่งเสริมเสน่ห์และสร้างเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ 

 

สินค้า “แน็คเก็ต” มีสินค้าที่จำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น รวม 35 รายการ ใน 6 กลุ่มได้แก่ 1.กลุ่มบิสกิต/แครกเกอร์ ไส้สับปะรด ไส้สับปะรดผสมสตรอเบอร์รี ไส้สตรอเบอร์รี โดยใช้สับปะรดจาก อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และใช้สตรอเบอร์รีจากภาคเหนือ 2.กลุ่มผลไม้กรอบ ได้แก่ กล้วย มัน เผือก ฟักทอง เป็นวัตถุดิบจาก จ.สุโขทัย 3.กลุ่มปั้นสิบ 4.กลุ่มผลไม้ทอดสุญญากาศ โดยร่วมกับ จ.ชุมพร พัฒนากล้วยหอมทองกรอบแท่ง กล้วยหอมทองกรอบ กล้วยเล็บมือนางกรอบ 

5.อาหารทะเล พัฒนาร่วมกับชุมชนใน จ.ตราด สู่ปลากรอบ กุ้งกรอบ ปูกรอบ และ 6.กลุ่มขนมไทยประยุกต์ เช่น ขนมผิง คุกกี้ ข้าวพองกรอบ โดยใช้ข้าวจาก จ.เชียงราย

ภาพรวมในแต่ละปีบริษัทรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรแต่ละภูมิภาค ปีละกว่า 100 ตัน ร่วมสร้างงานและสร้างรายได้ให้ชุมชนในท้องถิ่น สำหรับในปีที่ผ่านมา บริษัทสร้างยอดขายรวมกว่า 80 ล้านบาท โดยยอดขายหลักจะผ่านร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น คิดเป็นประมาณ 90% 

 

 

• "โคฟี่" จากกาแฟโอเลี้ยงต่อยอดสู่น้ำตาลสด หนุนโต

อีกแบรนด์ที่ได้เข้าร่วมแคมเปญนี้ กับแบรนด์เครื่องดื่มไทย "โคฟี่" ด้วยสินค้ายอดนิยมกับ น้ำตาลสด ที่มุ่งใช้วัตถุดิบทางการเกษตรไทยมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มสู่เครื่องดื่มหลากหลายรายการ

“ภาณี กิจภิญโญชัย” ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท โคฟี่ จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ดำเนินธุรกิจมากว่า 40 ปีแล้ว และมีสินค้าที่ลูกค้ารู้จักกับ “กาแฟโอเลี้ยง” ด้วยแบรนด์ “โคฟี่” ต่อมาได้ขยายสู่สินค้า น้ำตาลสด และมุ่งใช้แหล่งวัตถุดิบในการปลูกมะพร้าวคุณภาพสูงในจังหวัด จ.สมุทรสงครามและ จ.สมุทรสาคร ซึ่งสินค้าได้รับการตอบรับที่ดีมาก เพราะประเทศไทยเป็นเมืองร้อน และ เครื่องดื่ม น้ำตาลสดให้ความสดชื่น จึงตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ในทุกกลุ่ม หลากหลายวัย 

สำหรับน้ำตาลสด สร้างยอดขายเติบโตมาตลอด โดยในปีที่ผ่านมา ขยายตัว 35% จากปี 2565 ส่วนกลุ่มกาแฟโอเลี้ยง จะสร้างยอดขายเติบโตสูงในกลุ่มผู้ใหญ่และวัยทำงานเป็นหลัก

แนวคิดสำคัญของแบรนด์ ได้มุ่งวัตถุดิบจากแหล่งเพาะปลูกขึ้นชื่อของประเทศ โดยในแต่ละปีบริษัทรับซื้อสินค้าเกษตรทุกประเภท อาทิ น้ำตาลสดจากจั่นมะพร้าว เมล็ดกาแฟ บ๊วย กระเจี๊ยบ และอื่นๆ รวมอยู่ที่ประมาณ 2,000 ตัน สร้างการเติบโตเคียงข้างเกษตรกรไทยมาตลอด พร้อมวางแนวทางยั่งยืนให้กับระบบนิเวศ ตั้งแต่แหล่งผลิตวัตถุดิบต้นทาง

สำหรับโคฟี่ ทำตลาดเครื่องดื่มกาแฟโอเลี้ยงมาอย่างยาวนาน และบริษัทสามารถสร้างรายได้ทะลุ 250 กว่าล้านบาท ในปี 2565 และการเติบโตเกิดขึ้นต่อเนื่องจากปี 2561 ด้วย 

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันที่แบรนด์ได้ร่วมแคมเปญ “เสน่ห์ความเป็นไทยใคร ๆ ก็หลงรัก” จึงเป็นอีกช่องทางสำคัญในการผลักดันสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ในบทบาทการเป็น ซอฟต์พาวเวอร์ ของประเทศไทย ที่ลูกค้าต้องมารู้จักและเลือกซื้อสินค้า พร้อมกระตุ้นยอดขายอีกทาง