ปัด 'อุ๊งอิ๊ง' แทรกแซงแบงก์ชาติ แต่ควรฟังให้รอบด้าน เพื่อสอดคล้องรัฐบาล

ปัด 'อุ๊งอิ๊ง' แทรกแซงแบงก์ชาติ แต่ควรฟังให้รอบด้าน เพื่อสอดคล้องรัฐบาล

รองโฆษกเพื่อไทย ปัด 'อุ๊งอิ๊ง' แทรกแซงความเป็นอิสระแบงก์ชาติ ชี้ ธปท.ควรรับฟังให้รอบด้าน เพื่อนโยบายการเงินสอดคล้องกับรัฐบาล มุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2567 น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชระโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการวิจารณ์คำแถลง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท. กรณีความเป็นอิสระและการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า โดยหลักธนาคารกลางสามารถดำเนินนโยบายได้โดยอิสระ สำหรับประเทศไทย แม้ ธปท.ไม่ใช่ส่วนราชการที่รัฐบาลสามารถสั่งการได้โดยตรง แต่ก็เป็นหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ กำกับดูแลการเงินของชาติ และต้องมีความรับผิดชอบต่อสภาวะการเงินให้สอดคล้องกับสภาพจริงทางเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนรับฟังฝ่ายบริหาร เป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบายการคลังด้วย เพราะที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยที่ไม่มีการปรับลดส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ นายเศรษฐา จึงเรียกร้องมาตลอดให้ ธปท.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อความเหมาะสม เนื่องจากมีเหตุผลดังนี้

1.ผลประกอบการธนาคารพาณิชย์งวดประจำปี 2566 ทั้ง 9 แห่ง มีกำไรสุทธิรวม 226,571 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33,635 ล้านบาท หรือคิดเป็น 17.4% ถือเป็นกำไรสูง สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้

2.แม้การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ส่งผลทั้งอัตราแลกเปลี่ยน การค้าและตลาดการเงิน แต่ ธปท.ไม่จำเป็นต้องปรับอัตราดอกเบี้ยตามธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาเสมอไป เมื่อคำนึงถึงปัจจัยสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ

3.ที่ผ่านมารัฐบาลเพียงหารือและร้องขอให้พิจารณา ไม่ใช่สั่งการธนาคารพาณิชย์ปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่เป็นการให้ใช้ดุลพินิจในการตัดสินใจของธนาคารพานิชย์ ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามความเหมาะสม

“ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้แทรกแซงความเป็นอิสระของ ธปท.แต่อย่างใด การที่ น.ส.แพทองธารแสดงออกในความคิด คือต้องการให้ ธปท.รับฟังเสียงของรัฐบาล เพราะรัฐบาลมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการคลัง และเพื่อให้การดำเนินนโยบายการเงินการคลังสอดคล้องและเป็นไปในทางเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลซึ่งนำโดยนายกฯ เศรษฐา กำหนดเป้าหมายในการฟื้นฟูและผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตไปด้วยกันเพื่อการพัฒนาประเทศ“ น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว